ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - พิษเศรษฐกิจดิ่งเหว! เผย ธ.ไทยพาณิชย์ เลิกจ้างพนักงานกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ทั่วประเทศแล้วกว่า 50 ตำแหน่ง หวังลดต้นทุน แถมให้ออกก่อน 25 มิ.ย.เพื่อไม่ต้องจ่ายโบนัสกลางปี ด้านสหภาพแรงงานจี้ “กรรมการผู้จัดการใหญ่” เซ็นเองต้องเลิกนโยบายทันที ส่วนผู้เดือดร้อนในภาคใต้นับสิบเตรียมเดินสายร้องขอความเป็นธรรม คาดถึงขั้นเป็นคดีความแล้วไปจบที่ศาลแรงงาน
วันนี้ (9 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากอดีตพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเคยปฏิบัติงานในสาขาพื้นที่ภาคใต้จำนวนหนึ่งว่า ขณะนี้มีอดีตพนักงานกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารจำนวนมากกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะถูกผู้บริหารเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม อีกทั้งไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าตามกฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังหลีกเลี่ยงที่จะจ่ายเงินโบนัสจากการปฏิบัติงานช่วงกลางปีจำนวนอย่างน้อย 1 เดือน ที่ทุกคนจะต้องได้รับอีกด้วย
“พวกเราเพิ่งถูกแบงก์เลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม โดยแจ้งให้รู้ตัวช่วงประมาณวันที่ 25 พ.ค. แต่กลับให้มีผลเลิกจ้างในวันที่ 31 พ.ค.ในทันที พวกเราไม่มีใครตั้งตัวติด ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างนี้ด้วย กระทบไปถึงครอบครัวทุกคนแน่นอน เราไม่คิดว่าสถาบันการเงินที่เป็นที่เชื่อถือของประชาชนใช้วิธีการลดต้นทุนกันแบบนี้ หลังจากนี้ ก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ลูกเมียที่ต้องรับผิดชอบจะอยู่กันได้อย่างไร บางครอบครัวพอกล้ำกลืนเอาตัวรอดไปได้ แต่หลายครอบครัวหน้ามืดตามัวไปตามๆ กัน”
อดีตพนักงานกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาในภาคใต้ กล่าวด้วยว่า เท่าที่ทราบเวลานี้แบงก์เลิกจ้างพนักงานกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ทั่วประเทศไปแล้วกว่า 50 ตำแหน่ง ในส่วนของภาคใต้มีนับสิบตำแหน่ง เท่าที่ทราบตอนนี้ใน จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา ถูกเลิกจ้างเท่ากัน 5 ตำแหน่ง ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานี 2 ตำแหน่ง โดยสิ่งที่ผู้บริหารแบงก์ทำ คือ ใช้วิธีเสนอแกมบังคับว่าจะเขียนจดหมายลาออกเอง หรือจะให้ใช้มาตรการเลิกจ้าง ซึ่งหากเลือกอย่างหลังอาจจะทำให้เสียประวัติได้
“หลายคนยินยอมทำหนังสือลาออกให้ แล้วมีการเซ็นชื่อรับเงินชดเชยไปบางส่วนแล้วด้วย แต่ก็มีอดีตพนักงานแบงก์ที่ถูกเลิกจ้างจำนวนมากยังไม่ยอมเซ็นให้ ซึ่งก็แทบไม่มีผลอะไร เพราะผู้บริหารใช้วิธีแจ้งให้ไปรับเงินชดเชย อีกทั้งพวกเราก็ไม่สามารถเข้าไปทำหน้าที่อะไรได้อีกแล้ว ที่น่าเจ็บใจคือ ทำไมต้องรีบเลิกจ้างพวกเรา ทั้งที่หากได้ปฏิบัติงานถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ในวันที่ 25 มิ.ย.พนักงานจะได้รับโบนัสกลางปีอีกอย่างน้อยคนละ 1 เดือน ทำไมต้องใช้วิธีการแบบนี้ด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังจากที่ฝ่ายบริหารแจ้งเรื่องการเลิกจ้างพนักงานกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ในวันที่ 25 พ.ค.นั้น ถัดมาเพียง 2 วัน คือ ในวันที่ 27 พ.ค. นายไวทิต ศิริสุวรรณ ประธานสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ทำหนังสือที่ สร.ธทพ.7/2559 ส่งถึง นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อแจ้งเรื่องขอให้ยกเลิกนโยบายเลิกจ้างไม่เป็นธรรมต่อพนักงานกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ พร้อมกันนั้น ยังได้ส่งคู่ฉบับแจ้งไปยัง นายอานันท์ ปันยารชุน นายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ และ ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย โดยมีเนื้อหาสำคัญดังนี้
ด้วยสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพนักงานกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ภาคใต้ และภาคเหนือที่มีผลกระทบกรณีผู้บริหารสายงานสินเชื่อรถยนต์เลิกจ้างไม่เป็นธรรม มีการบังคับลงลายมือชื่อให้ทำหนังสือลาออกโดยพนักงานไม่ยินยอม และยังมีพนักงานอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้ลงลายมือชื่อ แต่ถูกผู้บริหารหน่วยงานแจ้งให้พนักงานกลุ่มนี้ไม่ต้องมาปฏิบัติงาน อีกทั้งยังแจ้งให้มีผลสิ้นสุดการเป็นพนักงานภายในวันที่ 1 มิ.ย.2559
การกระทำดังกล่าวถือเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเงินชดเชยในกรณีเลิกจ้างก็ไม่ได้ระบุให้พนักงานรับทราบ ขัดต่อกฎหมาย พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ 2518 และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน 2541 สหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ ขอให้ท่านยกเลิกนโยบายดังกล่าวทันทีเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธนาคาร
อีกทั้งสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับทราบว่า ท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นผู้ลงนามให้มีการเลิกจ้างกลุ่มพนักงานสินเชื่อรถยนต์โดยตรง ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดผลกระทบ และฟ้องร้องท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่ และธนาคารต่อศาล ในกรณีที่ธนาคารยืนยันการเลิกจ้างดังกล่าว
สหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ จึงขอเรียนมายังท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้โปรดยกเลิกนโยบายดังกล่าวเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา ทั้งต่อชื่อเสียงของท่าน และธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ยึดถือ และยึดมั่นในเรื่องแรงงานสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่า ท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่จะพิจารณา และยกเลิกนโยบายดังกล่าวในทันที
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่การตลาดสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาในภาคใต้ที่ถูกเลิกจ้าง และกำลังเดือดร้อนหนักให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ถูกแบงก์เลิกจ้างอย่างไมเป็นธรรมในครั้งนี้จำนวนหนึ่งกำลังปรึกษาหารือกันว่า จะเดินหน้าไปขอพึ่ง หรือไปร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานไหนได้บ้าง และเป็นไปได้ที่อาจจะมีการรวมตัวกันเพื่อฟ้องร้องต่อศาลแรงงาน กรณีถูกแบงก์เลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งหลายคนเห็นร่วมกันว่า ถ้ามีช่องทางไหนช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ก็จะทำ