เชียงราย - เจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหานักท่องเที่ยวหายตัวไร้ร่องรอยในถ้ำทรายทอง-ขุนน้ำนางนอน ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แต่ยังไม่เจอแม้แต่เงา แถมน้ำท่วมจุดนั่งสมาธิเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่เผยมีทางเชื่อมถึงถ้ำในเทือกเขาดอยนางแล ทะลุถึงถ้ำผาหมี ชายแดนพม่าได้ด้วย
วันนี้ (20 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีผู้พบเห็นนักท่องเที่ยวชาย 1 คน คาดว่าเป็นชาวจีนหรือญี่ปุ่นอายุระหว่าง 50-60 ปี หายเข้าไปในถ้ำทรายทอง ส่วนหนึ่งของถ้ำในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ม.9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยแจ้งกับชาวบ้านที่อยู่บริเวณปากถ้ำว่าจะเข้าไปนั่งสมาธิราว 2-3 วัน แต่ผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์ก็ยังไม่ออกจากถ้ำนั้น
น.ส.ภาวิณี มาเยอะ ชาวบ้าน ม.9 ที่ได้พูดคุยกับชายนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเป็นคนสุดท้าย กล่าวว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวไม่ได้แจ้งว่าเป็นคนสัญชาติใด รูปพรรณสันฐานคล้ายชาวญี่ปุ่น ซึ่งก็ใกล้เคียงกับคนจีน สวมเสื้อยืดแขนยาว และกางเกงขายาว แต่จำสีเสื้อและกางเกงไม่ได้
น.ส.ภาวิณีบอกว่า ก่อนที่เขาจะเข้าไปเขาได้ขอฝากจักรยานที่ปั่นมาให้ช่วยดูด้วย จากนั้นได้แบกกระเป๋าเป้สีดำใส่หลังคาดว่าเป็นเสบียง และน้ำดื่มอีก 1 แกลลอนใหญ่เข้าไปด้วย พร้อมกับบอกว่าจะต้องอยู่หลายวัน จนถึงวันนี้ก็ไม่เคยพบเห็นชายคนดังกล่าวออกจากถ้ำมาอีกเลย
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังกันเข้าไปค้นหาเป็นวันที่ 2 โดย พ.ต.อ.ทรงกฤช ออนตระไคร้ ผกก.สภ.แม่สาย พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ เหล่าไพโรจน์จารี สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว 2 กก.4 บก.ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ฝ่ายปกครอง อ.แม่สาย และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามข้อมูลชาวบ้าน พร้อมตรวจสอบร่วมกับฝ่ายต่างๆ ตลอดทั้งวัน
โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้จัดชุด อปพร.ประมาณ 20 คนเริ่มเข้าไปสำรวจก่อนเป็นชุดแรกหลังจากเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมาได้เข้าไปสำรวจได้ลึกประมาณ 2 กิโลเมตรแล้วพบว่าภายในถ้ำมืดสนิท และน้ำในลำธารยังคงมีระดับสูงขึ้น รวมทั้งสภาพอากาศภายในชื้นเต็มไปด้วยหยดย้ำที่เกาะตามผนัง เจ้าหน้าที่ต้องใช้ไฟส่องสว่างหลังจากเข้าสู่ปากถ้ำเพียงเล็กน้อย
เมื่อเดินเข้าไปสำรวจได้ลึกประมาณ 1 กิโลเมตร พบทางแยกซ้ายภายในถ้ำ ซึ่งตามปกติจะมีห้องโถงใหญ่อยู่โดยเรียกกันว่า “ลานพระ” ที่มีองค์พระพุทธรูปอยู่บนเนิน เหมาะกับการนั่งพัก ที่ผ่านมาชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวที่เข้าไปจะแวะไหว้อยู่เสมอ แต่ปรากฏว่าจุดดังกล่าวได้ถูกน้ำจากลำธารเข้าท่วมหมดเพราะอยู่ต่ำจากทางเดิน เหลือช่องว่างระหว่างผิวน้ำกับเพดานด้านบนห้องโถงเพียงแค่ประมาณ 1 คืบเท่านั้น
ส่วนด้านหน้าทางลงห้องโถงพบมีร่องรอยการเดินลงไปอยู่ด้วย คาดว่านักท่องเที่ยวคนดังกล่าวอาจใช้เป็นสถานที่นั่งสมาธิตามที่แจ้ง เพราะพื้นที่เหมาะสมมากที่สุด
ทั้งนี้ ชุดค้นหาชุดแรกได้เสร็จภารกิจในช่วงภาคเช้าแล้วนำออกมารายงานให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบ ส่วนชุดสำรวจชุดที่ 2 จะเป็นผู้ชำนาญจากวนอุทยานฯ ซึ่งจะเข้าไปค้นหาในช่วงบ่ายต่อไป
ด้านชาวบ้านที่ชำนาญเส้นทางภายในถ้ำระบุว่า ถ้ำดังกล่าวเป็นถ้ำลึกที่เชื่อมต่อไปถึงถ้ำอีกหลายแห่ง บริเวณปากถ้ำก็มีถ้ำอื่นๆ เรียงรายอยู่เต็ม แต่ถ้ำทรายทองจะมีความกว้างใหญ่และมีลำธารไหลผ่านออกมาด้วย ทั้งนี้ ชาวบ้านที่เคยเข้าไปสำรวจแจ้งว่าถ้ำนี้สามารถเดินทะลุไปถึงชายแดนไทย-พม่า บริเวณถ้ำผาหมี หมู่บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ถ้ำนางนอน ถ้ำหลวง ฯลฯ ซึ่งล้วนอยู่ในเทือกเขาดอยนางแลที่ขนานไปตามชายแดน รวมระยะทางหลายสิบกิโลเมตร คาดว่าการค้นหาจะยากลำบากโดยเฉพาะในฤดูฝนที่น้ำในถ้ำจะเพิ่มระดับสูงขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่ได้เร่งค้นหาก่อนที่จะมีพายุหรือฝนตกหนักลงมาต่อไป
