มหาสารคาม - น่าเวทนา วอนช่วยยายใบ้เลี้ยงหลานลำพัง 5 คน ซุกหัวนอนในเพิงพักผุพังกลางทุ่งนา ขอข้าววัดกินประทังชีวิต เคยคิดสั้นฆ่าตัวตายหมู่ ล่าสุดมีหลายหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ แต่ยังไม่เพียงพอเพราะต้องการทุนสร้างที่พักที่แข็งแรงกันแดดกันฝนได้
ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจาก กลุ่มจิตอาสานิสิตมอน้ำชี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ว่าพบยายพิการเป็นใบ้ เลี้ยงหลานกำพร้า 5 คนและพักอยู่อาศัยในเพิงพักที่ทรุดโทรม ที่บ้านวังบัว ต.ขามเฒ่า อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม จึงไปตรวจสอบ
พบกับคุณยาย อายุ 61 ปี มีความพิการทางการได้ยิน หรือเป็นใบ้ และนางเสียม แก้มจุมพล มีศักดิ์เป็นป้า กำลังเลี้ยงหลาน 5 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 2 คนอยู่ภายในกระท่อมกลางนา ห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร มีความเป็นอยู่ลำบาก เสากระท่อมเป็นไม้ไผ่อยู่ในสภาพผุพัง หลังคาเป็นสังกะสีเก่าๆ มีรอยรั่ว ส่วนฝาบ้านเป็นไม้ไผ่ เวลาฝนตกน้ำสาดเข้าที่นอนต้องย้ายไปนอนบ้านญาติ ไม่มีข้าวกินต้องไปขอข้าวที่วัดเพื่อประทังชีวิต น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
นางเสียม แก้มจุมพล ผู้เป็นป้า เล่าว่านางใบ้มีความพิการทางการได้ยิน ไม่ปรากฏสถานะในทะเบียนบ้าน มาอาศัยอยู่กับตนตั้งแต่ปี 2532 มีบุตรมาอยู่ด้วย 1 คนคือนายสมทรง หมั่นการ อายุ 37 ปี มีภรรยาชื่อ น.ส.แคทลียา ระกิติ อายุ 27 ปี อยู่หมู่ที่ 18 ต.ขามเฒ่าพัฒนา อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม มีบุตรด้วยกัน 5 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 2 คน อายุ 1 ขวบ ถึง 10 ขวบ ประกอบด้วย ด.ช.วรายุส หมั่นการ อายุ 10 ปี เรียนชั้น ป.5, ด.ช.วรากร หมั่นการ อายุ 8 ปี ชั้น ป.2 ด.ญ.วราพร หมั่นการ อายุ 6 ปี อนุบาล 2, ด.ช.วราทรธ์ หมั่นการ อายุ 5 ปี อนุบาล 1, ด.ญ.วราวรรณ์ หมั่นการ อายุขวบครึ่ง เรียนที่โรงเรียนบ้านขามเฒ่า
ต่อมานายสมทรงพ่อของเด็กได้ถูกจำคุกคดียาเสพติด ส่วนแม่ของเด็กได้หนีออกไปทำงานรับจ้างที่จังหวัดร้อยเอ็ด นานๆ ครั้งจะกลับมาบ้าน กลับมาครั้งหนึ่งก็ให้เงินยายใบ้ครั้งละ 500 บาท เพื่อซื้อข้าวให้ลูกกิน แต่ก็ไม่เพียงพอ ล่าสุดได้ขาดการติดต่อกับแม่ของเด็กประมาณ 3-4 เดือน ทำให้ภาระตกอยู่กับยายใบ้ และตนต้องเลี้ยงหลานๆ ทั้ง 5 คน
ส่วนรายได้มาจากที่ตนไปทำงานเป็นหมอนวดแผนโบราณที่วัดพระยืนในตัวอำเภอกันทรวิชัย ครั้งละ 40 บาท หรือแล้วแต่ลูกค้าจะให้ พอได้ประทังชีวิตตนกับยายใบ้และหลานทั้ง 5 คน เมื่อได้เงินมาแล้วก็จะไปซื้อนมให้หลาน และให้เงินหลานไปโรงเรียน พร้อมกับนำเงินที่เหลือไปขออาหารจากวัดใกล้บ้านในตอนเช้าเพื่อมารับประทานในช่วงเช้า เที่ยง และเย็น
นางเสียมเล่าอีกว่า มีครั้งหนึ่งตนท้อหนักไม่มีเงินที่จะมาเลี้ยงหลานถึงกับคิดสั้นโดยจะใช้ผ้าขาวม้าผูกคอและหลานแล้วไปนอนที่กลางถนนเพื่อที่จะให้รถเหยียบตาย แต่ตนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ารักหลานทั้ง 5 คนสุดหัวใจ เพราะตนเองและยายใบ้เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ จึงล้มเลิกความตั้งใจไม่คิดสั้น และสัญญาว่าจะเลี้ยงไปจนสิ้นลมหายใจ อยากจะมีบ้านหลังเล็กๆ สักหลังเพื่อที่จะได้หลบแดดหลบฝนได้
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีอาทิตย์ อนุสรณ์ ที่ปรึกษากลุ่มจิตอาสา กลุ่มนิสิตมอน้ำชี มมส.เปิดเผยว่า ตนเองได้รับทราบข่าวจากข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊กว่ามียายที่พิการเป็นใบ้เลี้ยงหลานกำพร้า 5 คนและที่อยู่อาศัยทรุดโทรม ตนเองและคณะจิตอาสาลุ่มแม่น้ำชี ม.มหาสารคาม ได้ลงพื้นที่ซึ่งได้พบว่าบ้านสร้างด้วยไม้ไผ่ สภาพไม่แข็งแรง ไม่ทนกับลม ฝนหรือพายุ ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้นำสิ่งของ เช่น ข้าวสาร ของเด็กเล่น อาหาร และนมรวมถึงปัจจัยบางส่วนลงช่วยเหลือ
ล่าสุดมีหน่วยงานหลายหน่วยงานเข้าช่วยเหลือประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทหาร กกล.มหาสารคาม สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย นายอำเภอกันทรวิชัย เข้ามาช่วยเหลือ โดยสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารภัยจะซื้อรถซาเล้ง 1 คันเพื่อให้ยายเสียมพาหลานๆ ไปโรงเรียน ส่วนนายอำเภอกันทรวิชัย เหล่ากาชาดพร้อมสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดมหาสารคาม ได้มอบเงินจำหนวนหนึ่งพร้อมด้วยถุงยังชีพให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น
ทั้งนี้ โดยทางคณะนิสิตจิตอาสา มมส.ขอร่วมเป็นสื่อกลาง ขอระดมทุนตั้งเป้ายอดบริจาคไว้ประมาณ 80,000 -100,000 บาท เพื่อเป็นค่าวัสดุ ในการสร้างบ้านให้คงทนแข็งแรง และมีสุขอนามัยที่ดีขึ้นของคนในครอบครัวยายใบ้
ผู้มีจิตศรัทธา สามารถร่วมแบ่งปันทานน้ำใจ เป็นส่วนหนึ่งกับกลุ่มนิสิตมอน้ำชีจิตอาสา ร่วมบริจาคเงินและของใช้จำเป็นได้ที่ กลุ่มนิสิตมอน้ำชี ชั้น 2 อาคารพัฒนานิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือ งานพิธีการและกิจการพิเศษ มมส ชั้น 4 หรือบริจาคผ่านทางบัญชี ชื่อบัญชี นิสิตอาสาช่วยเหลือผู้ยากไร้ หมายเลขบัญชี 517-2-28566-9 ธนาคารทหารไทย สาขาย่อยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือติดต่อสอบถามได้ที่อาจารย์ อารีรัตน์ รักษาศิลป์ 08-1586-2234 และ ว่าที่ร้อยตรีอาทิตย์ อนุสรณ์ โทรศัพท์ 08-7222-1707