บุรีรัมย์ - ชาวบ้านหนองหัวควาย อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ร่วม 100 คน สุดทนเรียกร้องตำรวจและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งสอบสวนเอาผิดและหามาตรการป้องกันกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ในป่าสาธารณะ “หนองหัวควาย” หลังไม้พะยูงอายุ 50-100 ปีถูกลอบตัดไปแล้ว 20 ต้น เคยแจ้ง ตร.แต่เรื่องเงียบและยังเหิมเกริมลักลอบตัดต่อเนื่องอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
วันนี้ (9 ส.ค.) ชาวบ้านบ้านหนองหัวควาย ต.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน ได้ร่วมกันออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเอาผิด และหามาตรการป้องกันมีการลักลอบเข้าไปตัดไม้ในป่าสาธารณประโยชน์ “หนองหัวควาย” ที่มีเนื้อที่กว่า 330 ไร่ และเป็นป่าผืนสุดท้ายของหมู่บ้านที่เหลืออยู่
หลังจากได้มีกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบตัดต้นพะยูงขนาดใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 50-100 ปีในป่าสาธารณประโยชน์ดังกล่าวที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์หวงแหนมายาวนานหายไปแล้ว 20 ต้น เกรงว่าหากปล่อยไว้ไม่มีมาตรการเด็ดขาดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ต้นไม้ในป่าสาธารณะดังกล่าว เช่น ไม้พะยูง ประดู่ ไม้แดง ไม้จิก และไม้ยืนต้นอีกหลายชนิดที่เหลืออยู่จะถูกลักลอบตัดจนไม่เหลือความอุดมสมบูรณ์ของป่าให้ลูกหลานได้เห็นในอนาคต
ที่ผ่านมาชาวบ้านเคยไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้ว แต่เรื่องยังเงียบหายจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเอาผิดกลุ่มบุคคลที่เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงได้ และต้นไม้ยังคงถูกลักลอบตัดอย่างต่อเนื่อง จึงได้ร่วมกันออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาผืนป่าดังกล่าวด้วย
นายอุ้มทอง สาแก้ว อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองหัวควาย บอกว่า ป่าสาธารณประโยชน์หนองหัวควายเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ผืนสุดท้ายของชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร่วมกันดูแลรักษามาโดยตลอด แต่ระยะหลังได้มีกลุ่มบุคคลซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ได้ใช้เลื่อยยนต์เข้ามาลักลอบตัดต้นไม้พะยูงขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า 50-100 ปีโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายทั้งที่เป็นไม้หวงห้าม คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่รู้เส้นทางในป่าได้เป็นอย่างดีเข้ามาลักลอบตัดแล้วลำเลียงไม้ไปขายต่อให้นายทุน ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้
ขณะที่ชาวบ้านผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาตระเวนอยู่เรื่อยๆ แต่กลุ่มคนเหล่านี้จะอาศัยช่วงกลางดึกเข้ามาลักลอบตัด จากปัญหาดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐได้เร่งตรวจสอบเอาผิดกลุ่มบุคคลดังกล่าวและหามาตรการป้องกันการลักลอบตัดไม้ร่วมกันชาวบ้านด้วย
ด้าน นายออง กระแสโสม อายุ 70 ปี และนายสุนทร สมจิต อายุ 50 ปี ชาวบ้านหนองหัวควาย บอกว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่มีผู้เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงในป่าสาธารณะที่ชาวบ้านร่วมกันดูแลรักษามาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย โดยบางต้นมีอายุกว่า 100 ปี แต่กลุ่มคนดังกล่าวยังมาลักลอบตัดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองเลย จึงอยากวิงวอนให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้หามาตรการป้องกันไม่ให้กลุ่มคนดังกล่าวเข้ามาลักลอบตัดไม้ในพื้นที่อีก ก่อนที่ไม้ยืนต้นจะถูกตัดจนไม่เหลือ