ศูนย์ข่าวศรีราชา - ไฟไหม้ร้านเฟอร์นิเจอร์ลามไปไหม้ร้านน้ำมันเครื่องไฮดรอลิก วอดทั้ง 2 หลัง ในเขตพื้นที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา คาดมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
เมื่อเวลา 00.20 น. วันนี้ (5ส.ค.) ร.ต.อ.ธัชกร นารานันทญา รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.บ่อวิน จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านเฟอร์นิเจอร์ลามไปไหม้ร้านน้ำมันเครื่องไฮดรอลิก บริเวณพื้นที่หมู่ 3 ต.บ่อวินอ.ศรีราชา ริมถนนสาย 311 ขาเข้าสัตหีบ ให้ไปสอบสวน หลังทราบเหตุจึงประสานไปยังหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึงจุดบ่อวิน ไปทำการช่วยเหลือ และรายงานให้ พ.ต.อ.กรพัฒน์ หอมหวล ผกก.สภ.บ่อวิน ทราบ พร้อมร่วมเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
โดยตรวจสอบที่ร้านห้วยเล็กเฟอร์นิเจอร์ สาขาบ่อวิน ซึ่งเป็นห้องชั้นเดียว 7 คูหา เลขที่ 116/21 หมู่ 3 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชาถูกเพลิงไหม้โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงทั้ง 7 คูหา และลุกลามไปที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี.พาร์ทแอนด์เซอร์วิส เลขที่331/57-58 หมู่ 3 ต.บ่อวิน ซึ่งจำหน่ายน้ำมันเครื่องไฮดรอลิก และตลับลูกปืน จำนวน 2 คูหา
ตำรวจได้ประสานไปยังรถดับเพลิงองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อวิน องค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ และนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี นิคมอมตะซิตี้บ่อวิน รวม 10 คัน มาดับเพลิงยังที่เกิดเหตุ โดยมี นายรุ่งเพชร แจ่มเจริญ นายก อบต.บ่อวิน และนายประเทือง แสงเพลิง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.บ่อวิน ร่วมกันอำนวยการดับเพลิงในครั้งนี้ รวมทั้ง พ.ต.อ.กรพัฒน์ หอมหวล ผกก.สภ.บ่อวิน อำนวยการเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลด้านการจราจร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เพลิงจึงสงบลง
จากการสอบถาม นายพิเชษฐ์ แก้วหอม อายุ 30 ปี เจ้าของร้านน้ำมันเครื่องไฮดรอลิกให้การว่า ช่วงเกิดเหตุกำลังนั่งดื่มสังสรรค์อยู่ เห็นเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่ร้านเฟอร์นิเจอร์อย่างรวดเร็ว และลุกลามมาที่ร้านตัวเอง ตนรีบเข้าไปขนของมีค่าในร้านแต่ไม่สามารถขนของออกมาได้ ทำให้ข้าวของในร้านเสียหายทั้งหมด มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
หลังเพลิงสงบได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุร้านห้วยเล็กเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งมี นางสมใจ กิ่งแก้วรุ่งโรจน์ เป็นเจ้าของ ก็พบว่า เฟอร์นิเจอร์ในร้านและทรัพย์สินมีค่าได้ถูกไฟไหม้วอดทั้งหมด 7 คูหา รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
เบื้องต้น สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และภายในร้านทั้ง 2 แห่งนั้นมีสิ่งของที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จงเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วแต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาสาเหตุอีกครั้งหนึ่งจึงจะรู้สาเหตุที่แท้จริงของการถูกเพลิงไหม้ในครั้งนี้