xs
xsm
sm
md
lg

ไม่จบง่าย! “หมอเปรม” โพสต์เฟซบุ๊ก ลั่นได้เวลานับหนึ่งปฏิรูปสื่อแล้ว!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวขอนแก่น - หลังหนีเผชิญหน้านักข่าว “หมอเปรม” โพสต์เฟซบุ๊กประกาศสู้ศึกกับสื่อ ลั่น “หมดเวลาที่จะหงออยู่ใต้อำนาจอธรรมของสื่อ ได้เวลานับหนึ่งในการปฏิรูปสื่อแล้ว”

หลังจากวานนี้ (28 ก.ค.) นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น หลบหน้าหนีขึ้นรถไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์หรือแสดงความเห็นใดๆ จากกรณีเหตุการณ์ฉาวที่คุกคามสื่อหลายสำนัก กักขังในห้องทำงานแล้วเปิดฉากด่าตำหนิชุดใหญ่ ทั้งยังสั่งลูกน้องถอดกางเกงผู้สื่อข่าวอาวุโสสื่อสิ่งพิมพ์ฉบับหนึ่งอย่างไม่ปรานี และยังประกาศว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับภาพปริศนาที่นั่งคู่กับเด็กสาวนักเรียนชั้น ม.5 ที่แชร์กันว่อนโซเชียลเน็ตเวิร์กเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม หลังเหตุการณ์สะเทือนวงการสื่อดังกล่าว นพ.เปรมศักดิ์กลับไปใช้พื้นที่เฟซบุ๊กส่วนตัวเขียนข้อความแก้ต่างให้ตัวเองเป็นรายวัน อ้างว่าถูกสื่อมวลชนบุกรุกห้องทำงานเพื่อขอข่าวไร้สาระไม่มีประโยชน์ต่อสาธารณชน

ล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ (28 ก.ค.) นพ.เปรมศักดิ์ก็ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง และเขียนระบายด้วยข้อความอันยาวเหยียดชนิดที่อ่านกันจบแล้วจะเห็นถึงเบื้องลึกในความรู้สึกจิตสำนึกของเขาว่าสื่อมวลชนเป็นฝ่ายผิด ขณะที่เขาเองเป็นผู้ถูกกระทำ

ข้อความในเฟซบุ๊กดังกล่าวจั่วหัวว่า “ผมคุกคามสื่อ หรือว่าสื่อคุกคามผม? รายละเอียดดังนี้ ....ขอเรียนว่าผมเป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะมายาวนาน ผมรู้ดีว่าต้องมีสัมพันธไมตรีและปฏิสัมพันธ์กับสื่ออย่างไร ต้องวางระยะใกล้ ระยะห่างอย่างใด จึงจะเหมาะสม และเคารพในการทำงานของสื่อมวลชนมาตลอด ในฐานะผมเป็นแหล่งข่าว และสื่อนั้นก็ต้องการนำเสนอข่าว เข้าทำนองน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาศัย

ผมกับพี่น้องสื่อสารมวลชนก็ดำรงความสัมพันธ์กันมาแบบนี้แหละครับ หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องทนกันไป ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดแล้วเป็นผมที่ต้องอดทน หลายครั้งบางทีก็หวานอมขมกลืน แต่มาล่าสุดนี่สุดจะทนจริงๆ เพราะสื่อเล่นงานผมหนล่าสุดนี่ ไม่ต่างไปจากการจับผมแก้ผ้าประจานให้อับอายต่อหน้าธารกำนัล

ดังนั้นต่อมาเมื่อสื่อคณะหนึ่งบุกรุกเข้ามาพบผมในห้องทำงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ก็อยากขอเรียนให้ทราบว่า ในฐานะรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับสื่อทุกท่านที่มาหาผมในวันนั้น ผมก็อดที่จะรู้สึกอยากขออุทธรณ์วิงวอนไม่ได้เลยว่า ทุกท่านก็รู้จักกับผมเป็นอย่างดี ไปมาหาสู่ก็สะดวกทุกช่องทาง ก่อนนำเสนอข่าวเผยแพร่ไปในทางที่เกิดความเสียหายแก่ผม ทำไมจึงไม่มาสอบถามข้อเท็จจริงเสียก่อน แล้วค่อยไปเผยแพร่ให้ครบถ้วนทุกด้าน จึงจะได้ชื่อว่าสื่อได้กระทำตามอาชีวปฏิญาณ

แต่นี่กลับกลายเป็นว่าสื่อมวลชนไปเห็นภาพจากไหนไม่ทราบ ก็ได้นำเสนอภาพและข่าวในทางเสียหายให้กับผมไปก่อนแล้ว จากนั้นจึงค่อยมาตามหาตัว ให้ผมไปแก้ข่าวในภายหลัง กระทำเสมือนให้ผมตกเป็นจำเลยสังคมเสียก่อน แล้วก็ตามมาสอบสวนกดดันรีดเค้น เสมือนว่าเพื่อหวังประจานผม

มีคำภาษิตพังเพยอันเป็นเรื่องอัปลักษณ์เปรียบเปรยวงการสื่อว่า “ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียตังค์ลง”

อย่างผมดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีทำงานทุ่มเทอุทิศตัวและกายใจเหนื่อยยากให้สมกับที่ประชาชนวางใจเลือกมา ได้รางวัลระดับประเทศนับไม่ถ้วน ส่งข่าวไปไม่เคยได้ลง ถ้าลงก็ต้องซื้อพื้นที่ประชาสัมพันธ์ ผมมีนโยบายสารพัดที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้า สื่อไม่ลงข่าว ก็จะเสาะหาแต่ว่าผมมีเรื่องส่วนตัวซอกไหนมุมไหนเสียหายจะได้ไปขายข่าว เล่นยังกับว่าผมเป็นดารา ต้องไปจับคู่จิ้นกับใครต่อใคร

เดี๋ยวก็คงตามไปทำข่าวว่าเตียงหักหรือยัง หรือมุดไปอยู่ใต้เตียงได้ก็คงทำ เป็นเรื่องไร้แก่นสารไม่มีสารประโยชน์อันใดต่อสาธารณชนเลย

ผมและบุคคลในแวดวงต่างๆ ทั้ง นักการเมือง ผู้บริหารในคณะรัฐบาล พ่อค้านักธุรกิจ ดารา นักร้อง นักแสดง ศิลปิน นักกีฬา บุคคลสาธารณะในแวดวงต่างๆ ตลอดจนประชาชนพลเมืองโดยทั่วไปก็ตกอยู่ในสภาพเป็นเบี้ยล่างของสื่อมาตลอดนั่นแหละครับ เพราะท่านมีปากกาในมือ มีสื่อทุกแขนง ทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์

ในขณะที่พวกเราไม่ได้มีอะไรจะไปสู้รบปรบมือกับท่านได้ ท่านจึงกลายเป็นอภิสิทธิชน จะกระทำการสิ่งใดก็ได้ตามอำเภอใจของท่าน เพราะท่านรู้ว่ามีแต่คนยอม มีหลังๆมานี้ท่านนายกรัฐมนตรีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ยอมขึ้นมาคนหนึ่ง ก็ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากประชาชนคนไทย ผมก็ว่าในเมื่อมีผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองยืนหยัดไม่ยอมสักคน ผมจะไม่ยอมทนอีกสักรายก็จะเป็นไปไร

และว่าไปแล้วก็ไม่สมควรต้องมีใครจะไปต้องยอมกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เฉพาะบุคคลสาธารณะ แต่รวมไปถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วไปที่ถูกสื่อข่มเหงรังแกและรังควานกันมาชั่วนาตาปี มีแต่คนรักใคร่ปรารถนาดีหวังดีเตือนผมมาว่ารบกับสื่อมีแต่เสียกับเสีย เพราะสื่อท่านมีอาวุธครบมือทั้งปากกา ทั้งกระดาษ ทีวี วิทยุ มัลติมีเดียสารพัด ผมเองคงจะโดนเล่นงานจนงอมพระราม ตายไม่มีฟื้น

เพราะไหนท่านยังจะมีองค์กรสมาคมสื่อที่เก่งกล้าสามารถในทางออกแถลงการณ์ประณามใครต่อใครไปทุกวงการ ยกเว้นพวกท่านกันเอง เพราะแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวัน

ส่วนสื่อค่ายไหน คนไหนดี มีจรรยาบรรณอันเคร่งครัด ทำมาหากินด้วยสุจริตโดยอาชีวปฏิญาณ ท่านก็ไม่ต้องเดือดร้อนนะครับ ผมขอยกย่องสรรเสริญอย่างสุดใจ ผมไม่ได้คิดจะต่อว่าแบบเหมารวมแต่อย่างใด

แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ได้จะไปรบราฆ่าฟันอะไรกับสื่อ เพียงแต่จะยืนหยัดขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเท่านั้น สิ่งที่ผมทำก็เป็นไปโดยหัวเดียวกระเทียมลีบ หนังสือพิมพ์ผมก็ไม่มี ทีวี วิทยุ สื่ออะไรก็ไม่มี ก็มีแค่ Facebook เหมือนประชาชนคนไทย ชาวบ้านร้านช่องสามัญชนทั่วไปมีกัน ผมก็เลยต้องแถลงมาให้ทราบทางนี้ กับมีกฎหมายเป็นที่พึ่ง เหมือนคนไทยทั่วไปมีกฎหมายเป็นที่พึ่ง ผมก็ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับทางตำรวจว่าผมโดนสื่อบุกรุกคุกคามกดดัน ผมก็มีเท่านี้จริงๆ

ชาวบ้านร้านช่อง และบุคคลสาธารณะในแวดวงต่างๆ ทั้ง นักการเมือง ผู้บริหารในคณะรัฐบาล พ่อค้านักธุรกิจ ดารา นักร้อง นักแสดง ศิลปิน นักกีฬา สารพัดวงการ และพี่น้องประชาชนคนไทยนั้นต่างก็โดนสื่ออภิสิทธิชนคุกคามข่มขู่จับแก้ผ้าต่อหน้าธารกำนัล ว่าประจานให้อับอายมานักต่อนักแล้ว โดยที่พวกเราก็ทนนิ่งทนเงียบกันมาตลอด เพราะเป็นเบี้ยล่างของสื่อ สู้ไปก็มีแต่ย่อยยับอัปรา

แต่ผมได้สลัดความกลัวนั้นทิ้งไปแล้ว และยืนหยัดขึ้นประกาศให้ทราบชัดทั่วกันว่า หมดเวลาที่เราจะหงออยู่ใต้อำนาจอธรรมของสื่อแล้วครับ และได้เวลานับหนึ่งในการปฏิรูปสื่อแล้ว..”

อย่างไรก็ตาม ท้ายข้อเขียนของ นพ.เปรมศักดิ์ชิ้นนี้มีคนจำนวนไม่น้อย คาดว่าน่าจะเป็นฐานเสียงหรือพรรคพวกของ นพ.เปรมศักดิ์ได้โพสต์แสดงความเห็นใจ ให้กำลังใจ มองว่าเหตุกาณ์ทั้งมวลที่เกิดขึ้น นพ.เปรมศักดิ์เป็นผู้ถูกกระทำจากสื่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น