ทหารไทย-กัมพูชาจับมือร่วมพัฒนาชายแดน “ช่องสะงำ” ยกเป็นแหล่งท่องเที่ยวอาเซียน

ศรีสะเกษ - ทหารไทย-กัมพูชาจับมือร่วมพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวชายแดน “ช่องสะงำ” ยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวอาเซียนของ 2 ชาติ ไทย-กัมพูชา

วันนี้ (25 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) พร้อมด้วย พ.อ.ณัฐ ศรีอินทร์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ด้านการท่องเที่ยว และคณะนายทหารฝ่ายไทย ได้ประชุมร่วมกับ พล.ท.ยึม พันนา รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ประเทศกัมพูชาและคณะนายทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาบริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และพัฒนาช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา

พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผบ.กกล.สุรนารี กล่าวว่า จากการประชุมได้มีการตกลงที่จะร่วมกันพัฒนาทั้งสองฝั่งในรูปแบบเดียวกัน เพื่อพัฒนาช่องสะงำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอาเซียน เช่น การพัฒนาบริเวณด่านให้ทันสมัย มีประตูทางเข้าด่านที่ถาวร ให้เป็นสัดส่วนสวยงาม มีป้ายบอกทางเข้า-ออกเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาเขมร การทำป้ายต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นภาษาไทย ภาษากัมพูชา และภาษาอังกฤษ เพื่อให้เป็นจุดถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว การพัฒนาจุดชมวิวพญากูปรี ที่บริเวณทางเข้าเมืองใหม่ช่องสะงำ ให้เป็นจุดพักผ่อน ชมวิวสำหรับนักท่องเที่ยว ถ่ายรูปและดื่มกาแฟ ก่อนนักท่องเที่ยวเดินทางไปช่องสะงำ สุดเขตประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา

พล.ต.สนธยากล่าวต่อว่า สำหรับเส้นทางการท่องเที่ยว 2 ชาติจะเริ่มจากวัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จากนั้นไปชมจุดชมวิวพญากูปรี เป็นจุดพักผ่อนชมวิวสำหรับนักท่องเที่ยว ถ่ายรูปและดื่มกาแฟ เดินทางต่อไปชมเมืองใหม่ช่องสะงำ และจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ชมหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา หลักที่ 3 ชมพื้นที่และร่วมกันปลูกป่าอาเซียน จากนั้นข้ามแดนไปเขตกัมพูชาไปจุดชมวิวผาเป้ยตารวน ต.ตรอเปรียงไปร์ อ.อัลลองเวง และเยี่ยมชมศาลประชาชน ชมที่เผาศพ นายพล พอล พต อดีตผู้นำเขมรแดง ไปชมอ่างเก็บน้ำโอทะมอ จากนั้นย้อนกลับมาที่วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ

จุดท่องเที่ยวทั้งหมดนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ให้ความเห็นชอบแล้วที่จะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านช่องสะงำให้เจริญ โดยจะเริ่มดำเนินการเปิดให้ท่องเที่ยวได้ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ เพื่อให้บริเวณนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอาเซียนของ 2 ชาติไทย-กัมพูชา ต่อไป

พลโท ยึม พันนา รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า จากการที่ได้มีการประชุมร่วมกัน ตนเห็นว่าการดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบนี้จะทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณนี้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งและพร้อมที่จะให้การส่งเสริมสนับสนุนอย่างเต็มที่