ศรีสะเกษ- มูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา และเจ้าคณะ อ.ภูสิงห์ จัดทำระบบน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ช่องสะงำชายแดนไทย-เขมร ที่มีปัญหามานานกว่า 10 ปีแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (25 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา และเจ้าคณะ อ.ภูสิงห์ เปิดเผยว่า จากการที่ได้รับทราบจาก พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ว่า ทหาร และส่วนราชการต่างๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ มีปัญหาความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภคมานานกว่า 10 ปีแล้ว ต้องซื้อน้ำ และรวมทั้งขอน้ำจาก อบต.ต่างๆ เป็นประจำ
ดังนั้น มูลนิธิหลวงปู่สรวง จึงได้มอบให้ช่างของวัดไพรพัฒนา มาทำการก่อสร้างระบบน้ำให้ โดยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากบ่อน้ำบาดาลขึ้นมาเก็บกักไว้ในถังน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 8 ใบ ติดตั้งไว้ที่ฐานปฏิบัติการชายแดนกองร้อย อส.อ.ภูสิงห์ ที่ 19 (ส่วนหน้า) ติดกับจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
พระครูโกศลสิกขกิจ กล่าวต่อไปว่า การดำเนินการก่อสร้างระบบน้ำในครั้งนี้สิ้นเงินค่าก่อสร้าง จำนวน 370,000 บาท เพื่อให้ทหาร และส่วนราชการต่างๆ ในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ได้มีน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภค และใช้ในการดูแลรักษาต้นไม้ สวนหย่อมบริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ เพื่อให้เกิดความสวยงาม สอดคล้องต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกส่วนราชการ
รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่อยู่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ รวมทั้งฝ่ายกัมพูชาก็จะสามารถมานำเอาน้ำจากที่แห่งนี้ไปใช้ในการอุปโภคบริโภคได้ด้วย โดยได้ทำการส่งมอบระบบน้ำที่ก่อสร้างเสร็จแล้วให้แก่ พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถใช้การได้เป็นอย่างดีมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ
พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กล่าวว่า ขณะนี้ตนกำลังเร่งพัฒนาจัดระเบียบจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ โดยยึดหลักสำคัญ 5 ประการด้วยกัน คือ 1.มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย 2.มีความสวยงาม 3.มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ เพื่อรดน้ำต้นไม้ให้เขียวชอุ่มอยู่เสมอ 4.มีแสงสว่าง 5. มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ให้มีอันตรายเกิดขึ้นต่อนักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศที่เข้ามาในบริเวณเขตพื้นที่ช่องสะงำอย่างเด็ดขาด ส่วนบริเวณอาคารที่ทำการของไทย และกัมพูชาที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง
รวมทั้งมีการปรับแต่งภูมิทัศน์อยู่ในขณะนี้นั้น การดำเนินการก่อสร้างใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะสามารถให้บริการนักท่องเที่ยว และประชาชนทั้งชาวไทย และชาวกัมพูชา รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เข้ามาท่องเที่ยวบริเวณนี้ได้เป็นอย่างดี