ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผบช.ภ.4 ลงพื้นที่ อ.ชุมแพ เป็นประธานประชุมติดตามคนร้ายเผาบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิลงประชามติ เผยภาพจากกล้องวงจรปิดพบชายวัย 30 ปี ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะจอดในศาลา นำเอกสารรายชื่อประชามติเผาทิ้ง พร้อมตั้งชุดเฉพาะกิจที่มีรอง ผบช.ภ.4 ดูแลคดีนี้โดยเฉพาะ
วันนี้ (22 ก.ค. 59) ที่ห้องประชุม สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 เป็นประธานประชุมติดตามคดีมือมืดเผาเอกสารรายชื่อลงประชามติ ณ หน่วยเลือกตั้งในเขตเทศบาลเมืองชุมแพ โดยมีผู้เข้าประชุม เช่น พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น, พ.ต.อ.สรายุทธ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.ชุมแพ, นายสมศักดิ์ เสาโกศล นายอำเภอชุมแพ และกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมวางแผนสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามหาคนร้ายที่เอกสารรายชื่อประชามติไปเผา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุเอกสารบัญชีรายชื่อประชามติดังกล่าวถูกดึงจากบอร์ดในศาลาประชาคม ชุมชนใหม่สามัคคี หมู่ 10 บ้านใหม่สามัคคี เขตเทศบาลเมืองชุมแพ ต.ไชยสอ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นลงมาที่พื้น เอกสารที่เรียกว่า นส.4 ถูกฉีกทำลายทิ้งทั้งหมด ส่วนเอกสาร นส.6 ที่เป็นบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิลงประชามติถูกฉีกออกจำนวน 4 แผ่น และมีการเผาทำลายอีกด้วย ซึ่งศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 เก็บหลักฐาน ตรวจสอบร่องรอยว่าเหตุการณ์ที่คนร้ายเข้ามาดึงเอกสารทางราชการและเผาเป็นเพราะอะไร
ชุดสืบสวน สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุพบว่า ช่วงเวลาประมาณ 21.30 น.ของวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ชายอายุประมาณ 25-30 ปี ขับขี่จักรยานยนต์คันหนึ่งแบบหญิง ไม่ทราบสี ยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน สวมเสื้อคลุมสีดำ สวมเสื้อยืดสีขาวชั้นใน กางเกงขายาวสีดำ ซึ่งจะตรวจสอบจักรยานยนต์ว่าทะเบียนอะไร เป็นรถแบบไหน และเป็นรถของใคร เพื่อจะขยายผลไปถึงเจ้าของรถ พร้อมกับได้ตั้งชุดเฉพาะกิจสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยได้สอบปากคำผู้อยู่ในเหตุการณ์ จำนวน 5 ปาก พร้อมกับตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเป็นครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมติดตามหาตัวคนร้ายรายนี้ให้เร็วที่สุดต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเรื่องนี้คาดว่าเป็นเรื่องคนที่อยากดัง หรือพวกมือบอน ที่ต้องการทำตามเหมือนทางเหนือที่มีเด็กวัย 8 ขวบไปฉีกทำลายเอกสารผู้มีสิทธิลงประชามติแล้วไม่ถูกจับ ส่วนเรื่องการเมืองยังไม่ทิ้งประเด็นสืบสวน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ในทุกด้าน โดยตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด และหลักฐานอื่นๆ ที่พบในที่เกิดเหตุ และพยานที่จะชี้เบาะแสให้ ชุดเฉพาะกิจสืบสวนคดีนี้ต้องอยู่ในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมี พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 เป็นหัวหน้าชุดดูแลคดีนี้โดยเฉพาะ เพราะการเผา ฉีกทิ้ง ทำลายเอกสารราชการโดยเฉพาะรายชื่อประชาชนผู้มีสิทธิลงประชามติครั้งนี้ มีผลกระทบกับสังคมไทยมากที่สุด
ขณะที่ พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้น่าเชื่อว่า เป็นการสร้างสถานการณ์มากกว่า เพราะคนร้ายดึงเอกสารทิ้งลงพื้นแล้วเผา ซึ่งไม่หวังดีกับการลงประชามติที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนให้ชัดแจ้งว่าเกิดจากสาเหตุใด พร้อมกับแยกแยะประเด็นการสืบสวนอีกด้วย และวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะเอกสารทางราชการ ที่เรียกว่า นส.4 และ นส.6 ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ละหน่วยต้องเข้าไปดูและตรวจสอบอย่าให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ขณะที่ บช.ภ.4 ได้จัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วในการดูแลคูหาประชาชนใช้สิทธิลงประชามติ ซึ่งต้องลงพื้นที่ตรวจสอบอยู่เสมอ พร้อมรับแจ้งถ้ามีเหตุ ใครต้องสงสัยจะมาทำสิ่งที่ไม่ดีในคูหาประชามติต้องรีบดำเนินการตรวจสอบทันที