xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ ชลบุรีกระตุ้น 12 ขุนพล สม.พัทยา เร่งสางปัญหาไม่ปล่อยเกียร์ว่าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ว่าฯ ชลบุรี ออกโรงกระตุ้น 12 สม.ยุคสรรหาไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เร่งจัดการสางปัญหาที่ถูกทิ้งหมักหมมพื้นที่พัทยานานัปการ ทั้งการบุกรุกที่สาธารณะ การละเลยไม่บังคับใช้กฎหมาย ขยะ น้ำท่วมขัง จราจร ความปลอดภัยฯ หวังยุครักษาการสามารถแก้ไขปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จโดยไม่ต้องหวั่นฐานเสียง

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้กล่าวมอบนโยบายในช่วงหลังการทำพิธีประดับเครื่องหมายให้แก่สมาชิกสภาเมืองพัทยาชุดสรรหา 12 คน ในการเปิดประชุมสภาเมืองพัทยานัดแรก ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า สำหรับสมาชิกสภาเมืองพัทยาชุดใหม่ที่ได้จากการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถนั้น ถือเป็นการกลั่นกรองที่เข้มข้นจากบุคคลในหลากหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งฝ่ายปกครอง ความมั่นคง ทหาร ตำรวจ อัยการ ศึกษา วิศวกรรม และตัวแทนภาคธุรกิจ ซึ่งจะทำให้การบริหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ของการรักษาการ จนกว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และประกาศให้มีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

สำหรับกลุ่มบุคคลเหล่านี้เมื่อได้รับความไว้วางใจก็คงต้องฝากให้แสดงความสามารถกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นในสังคม โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของเมืองพัทยา ซึ่งถือเป็นเมืองท่องเที่ยว และเมืองเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ โดยพบว่า ที่ผ่านมา มีปัญหาการร้องเรียน และปัญหาในด้านต่างๆ ที่สะสมไว้มากมาย ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความมั่นคง ความปลอดภัย และภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว

โดยเฉพาะปัญหาหลักอย่างการบุกรุกที่สาธารณะ การก่อสร้างอาคารโดยไม่รับอนุญาต เรื่องของการจราจร ปัญหาน้ำท่วมขัง ปัญหาขยะมูลฝอย และปัญหาการ จราจร ซึ่งหลายส่วนมีผลพวงมาจากความละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ หรือที่เรียกกันว่า “ปล่อยเกียร์ว่าง” ในส่วนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ รวมไปถึงการพัฒนาการศึกษาในท้องถิ่นที่โรงเรียนในสังกัดของรัฐต้องมีมาตรฐานทัดเทียมกับสถาบันของเอกชน เพื่อใช้เป็นฐานกำลังในการพัฒนาเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องแก้ไขอย่างเบ็ดเสร็จจริงจัง และให้เกิดผลโดยเร็ว

นายคมสัน กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาอาจเป็นไปอย่างล่าช้า และไม่มีประสิทธิภาพมากนัก เนื่องจากการบริหารอยู่ในส่วนของฝ่ายการเมืองที่ทำให้เกิดความเกรงใจ และกลัวผลกระทบในเรื่องของฐานเสียงฐานคะแนนจากกลุ่มมวลชน ดังนั้น ช่วงเวลาจากนี้ที่อยู่ในช่วงรักษาการจึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะพลิกโฉมในด้านการบริหารงานในรูปแบบใหม่ ที่กลุ่มคนทำงานส่วนใหญ่ซึ่งมาจากการสรรหาเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่

โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาส่งเสริมความเจริญ ความเป็นอยู่ผู้คนเป็นหลัก โดยไม่ได้มองเห็นแก่บุคคล องค์กรใด หรือผลประโยชน์ใดที่แอบแฝง ซึ่งคงจะเห็นผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในเร็ววันนี้ โดยส่วนตัวเองก็พร้อมจะสนับสนุน และให้การช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง แม้จะอยู่ในช่วงระยะเวลาของการดำรงตำแหน่งอีกเพียง 3 เดือนจากนี้ก็ตาม



กำลังโหลดความคิดเห็น