หญิงอ้างยศพันตรีตุ๋นชาวมหาสารคามรายละ 1-4 แสน แลกฝากเป็นทหาร

มหาสารคาม - ชาวบ้านเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกหญิงอ้างตัวเป็น “พันตรีแพทย์หญิง” เรียกรับเงิน 100,000-400,000 บาท แลกฝากเข้าทำงานราชการทหาร สูญรวมกันหลายล้านบาท ด้านรองผู้บังคับการ กกล.รส.จ.มหาสารคาม เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ย้ำการเข้ารับราชการทหารต้องสอบเข้าตามระบบเท่านั้น

วันนี้ (1 ก.ค.) ที่ศูนย์ดำรงธรรม ที่ว่าการอำเภอบรบือ จ.มหาสารคาม ชาวบ้านผู้เสียหาย 4 รายได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือติดตามหญิงสาวที่แอบอ้างตัวเป็นทหารยศพันตรีแพทย์หญิง และแอบอ้างทหารชั้นผู้ใหญ่ว่าสามารถฝากบุตรหลานเข้าทำงานรับราชการทหารได้ แต่ต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการรายละ 100,000-400,000 บาท เมื่อได้เงินแล้วก็ขาดการติดต่อหายไป

นายสมัย แสนวงศ์ อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 54 บ้านมะขามหวาน หมู่ที่ 11 ต.โนนแดง อ.บรบือ จ.มหาสารคาม เล่าว่า หญิงสาวอ้างตนว่าเป็นทหารยศพันตรี (พ.ต.) แพทย์หญิงธมินทร์ฏา อินธิพร ได้คบหากับบุตรชายซึ่งเป็นทหารอาสาสังกัดหน่วยงานทหารแห่งหนึ่ง ตนเองเห็นว่าฝ่ายหญิงมีหน้าที่การงานมั่นคง ประกอบกับได้ยินว่าฝ่ายหญิงรู้จักกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายนาย คิดว่าทั้งคู่คงเกื้อกูลและช่วยเหลือกันผลักดันให้บุตรชายได้บรรจุจากพลทหารเป็นนายทหารและได้เข้ารับราชการทหารที่แท้จริงจึงอยากให้ทั้งคู่แต่งงานกันเพื่อความก้าวหน้าของบุตรชาย

ต่อมาตนได้มีการจัดงานแต่งงานขึ้นระหว่าง พ.ต.แพทย์หญิงธมินทร์ฏา อินธิพร กับบุตรชาย โดยฝ่ายหญิงบอกว่าให้ตนเตรียมเงินสดไว้ 7 แสนบาท เป็นค่าพิธีการ ส่วนค่าจัดการที่เหลือต่างๆ ฝ่ายเจ้าสาวจะจัดการเอง ขณะนั้นตนเองไม่มีเงิน ฝ่ายหญิงจึงแนะนำให้ไปกู้เงินจาก ธ.ก.ส.มาก่อน โดยฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ค้ำประกันให้เอง เสร็จงานแล้วก็จะคืนเงินให้ หลังจากนั้นได้มีการจัดงานแต่งานขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ภายหลังเสร็จพิธีแต่งงาน ฝ่ายหญิงได้มาอยู่กินกับบุตรชายของตนที่กรุงเทพฯ และกลับมาเยี่ยมบ้านที่จังหวัดมหาสารคามหลายครั้ง แต่ละครั้งลูกสะใภ้จะพูดถึงการทำงานทหารและหน้าที่งานแพทย์ของตน พร้อมได้อ้างว่าตนมีเส้นสายนายทหารในกรมกองต่างๆ สามารถเดินเรื่องฝากบุตรหลานหรือคนรู้จักให้เข้ารับราชการทหาร ทั้งเป็นแพทย์หญิงโรงพยาบาลทหารและเป็นทหารยศสิบตรีไปจนถึงร้อยตรี สังกัดกรมกองต่างๆ

โดยมีรายละเอียดว่า หากจบปริญญาตรีจะได้รับประดับยศเป็นร้อยตรี แต่ถ้าไม่จบปริญญาจะเข้าเป็นสิบตรีก่อน แล้วจะผลักดันให้สอบเลื่อนขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงต่อไป หากญาติตนคนใดสนใจต้องจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าดำเนินการตั้งแต่ยศสิบตรี 100,000 บาท ไปจนถึงยศร้อยตรีจ่ายเงิน 400,000 บาท โดยมีญาติและคนรู้จักตนหลงเชื่อถูกหลอกลวงเสียหายจำนวน 3 คน จ่ายเงินให้พันตรีแพทย์หญิงเก๊รายนี้ไปเป็นเงินเกือบหนึ่งล้านบาท

ส่วนตนเองถูกหลอกยืมเงินไปลงทุนอีกจำนวน 1.2 ล้านบาท หลังจากได้เงินแล้วฝ่ายหญิงก็หายไปไม่กลับมาเยี่ยมที่มหาสารคาม และหนีหายจากบุตรชายตนเองไป ทำให้ตอนนี้ตนต้องรับรับภาระหนี้สินจำนวนมาก ส่วนญาติพี่น้องก็ถูกหลอกเสียเงินไป ตนเองพยายามโทรศัพท์ติดต่อแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้มาหลายเดือนแล้ว เดินทางไปตามหาถึงที่กรุงเทพฯ และเช็กชื่อจากโรงพยาบาลที่ทำงานของฝ่ายหญิงอ้างก็ไม่พบว่ามีชื่อทำงานที่นั่น จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธร อ.บรบือ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่คืบหน้า จึงได้เข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยดำเนินการอีกทาง เพราะตนก็ได้รับแรงกดดันจากญาติที่สูญเงินไปให้ตามเงินกลับมาคืนให้ได้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบในทะเบียนราษฎร พบว่าฝ่ายหญิงเคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วจำนวน 22 ครั้ง

ด้านนายทินกร ศรีคาม หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า ตนเองได้หลงเชื่อพันตรีแพทย์หญิงรายนี้ โดยโอนเงินไปให้เพื่อหวังให้ลูกได้เข้ารับราชการทหาร เป็นเงินค่าดำเนินก่อนจำนวน 80,000 บาท จากทั้งหมดที่ต้องจ่าย 400,000 บาท และบอกกับตนว่าให้เตรียมตัวเข้าไปรายงานตัวในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 และจะมีการประดับยศทหารในวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีการเรียกตัวและเอกสารใดๆ มาที่บ้าน จึงคิดว่าคราวนี้ตนน่าจะถูกหลอกแล้ว

ด้าน พ.ท.นพสิทธิ์ พงศ์วราพิศาล รองผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ปกครองมั่นใจว่าถ้าลูกหลานได้เข้ารับราชการจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรี อาชีพรับราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง มีสวัสดิการเป็นอย่างดีจนถึงเกษียณอายุราชการ กรณีแอบอ้างว่ามีเส้นสายในการฝากเข้ารับราชการทหารเป็นทหารชั้นสัญญาบัตรโดยไม่ต้องสอบเข้าตามระบบ ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ทั้งนี้ หากมีการฝากเข้าทำงานตำแหน่งใดๆ ก็เหมือนคดีทุจริตอื่นๆ ที่เมื่อถูกจับได้จะต้องถูกให้ออกและดำเนินคดีตามกฎหมาย ดังนั้นจึงอยากฝากประชาชนที่เป็นผู้ปกครองให้นำเงินมาลงทุนสนับสนุนการศึกษาของบุตรให้ดีมีคุณภาพ แทนการนำเงินไปฝากฝังผู้อื่นให้ทำงาน และอย่าหลงเชื่อบุคคลที่มาชักชวนเสียเงินเพี่อเข้ารับราชการทหาร หากพบเจอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทางกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.มหาสารคาม เพื่อดำเนินการจับกุมดำเนินคดีต่อไป