xs
xsm
sm
md
lg

มารศาสนา! รวบอดีตตำรวจหนีหมายจับบวชเป็นพระวัดดังย่านปทุมฯ หลอกเรี่ยไรเงินประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นพระวัดชื่อดังย่านปทุมธานี หลอกลวงเหยื่อรับบริจาคเงินไถ่ชีวิตโคกระบือผ่านเฟซบุ๊ก ตรวจสอบประวัติพบเคยรับราชการตำรวจยศร้อยโท แต่ถูกให้ออกเพราะต้องโทษคดีลักทรัพย์

วันนี้ (5 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.วิชัย ณรงค์ รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ และพ.ต.ต.ภานุภัทร กิตติพันธ์ สว.สส.สน.ทองหล่อ รวมถึงพ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ รอง ผกก.สส.สน.เพชรเกษม ได้ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ และสน.เพชรเกษม จับกุมตัว นายรวิภาส รวิภาสนิติกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1265/222 ซ.กาญจนาภิเษก 008 แขวงบางแค เขตบางแต กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่ 6/2555 ลงวันที่ 9 มกราคม 2555 โดยสามารถจับกุมได้ที่หน้าร้านเดโม่ ซอยทองหล่อ 10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้มีการโพสต์ภาพและข้อมูลเตือนภัยในเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง เกี่ยวกับกรณีมีพระรูปหนึ่งที่ชื่อ “พระรวิภาส รวิภาสนิติกุล” ที่ก่อนหน้านี้มีพฤติกรรมหลอกลวงด้วยการทำเพจขึ้นและเรี่ยไรเงินเพื่อไถ่ชีวิตโคกระบือ โดยให้คนโอนเงินเข้ามาบัญชีตนเอง กระทั่งมีผู้ใจบุญหลงตกเป็นเหยื่อมากมายนับร้อยราย

โดยภายหลังพบว่า พระรูปนี้ได้ทำการถอนเงินจากธนาคารเป็นจำนวนหลายล้านบาทเพื่อนำไปทำบุญกับวัดชื่อวัดพระธรรมกาย ย่านปทุมธานี ทำให้ผู้ที่เคยบริจาคไถ่ชีวิตโคกระบือกับพระรวิภาสได้เข้ามาตั้งคำถามผ่านเฟซบุ๊ก และเรียกร้องให้พระรวิภาสแสดงหลักฐานแก่ผู้ที่เคยทำบุญบริจาคไป กระทั่งมีข้อมูลว่านายรวิภาสได้สึกจากความเป็นพระแล้ว แต่ยังแอบอ้างหลอกรับเงินจากคนที่ไม่รู้เท่าทันต่อไป จนทำให้กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันเปิดกรุ๊ปในเฟซบุ๊กเพื่อแชร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลในการติดตามเอาผิดมารศาสนารายนี้ ชื่อกลุ่ม “กลุ่มผู้เสียหายกรณีรวิภาส รวิภาสนิติกุล” อีกด้วย

จากนั้นตำรวจชุดจับกุมจึงได้แกะรอยหาเบาะแสทราบว่า นายรวิภาสเป็นนักเที่ยวกลางคืนตัวยง และทิปหนัก โดยสถานที่ชื่นชอบไปมากตามย่านทองหล่อ เอกมัย และย่านเลียบด่วนรามอินทรา กระทั่งเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมามีข้อมูลว่าพบคนร้ายรายนี้ได้เดินทางมาเที่ยวสถานบันเทิงในซอยทองหล่อ 10 จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบพบบุคคลมีรูปพรรณคล้ายบุคคลตามผู้เสียหายระบุ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมแต่เจ้าตัวขัดขืน พร้อมอ้างตัวว่า “กูเป็นสารวัตรชื่อโอ๊ต” และพยายามหลบหนี แต่ทางตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ

สอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยรับราชการตำรวจยศร้อยตำรวจโท ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งครุ แต่ถูกให้ออกเนื่องจากหลบหนีหมายจับคดีลักทรัพย์ พื้นที่ สน.ทุ่งครุ ทำให้ขาดราชการ 15 วัน จนต้องออกจากราชการเมื่อปี 2549 จากนั้น 6 ปีต่อมาได้มาบวชเป็นพระสงฆ์ที่วัดพระธรรมกาย ตลอดช่วงเวลาที่บวชเป็นพระมักจะมีพฤติกรรมชอบแชร์ข้อมูลการทำบุญของตนเองผ่านทางเฟซบุ๊กจนมีคนติดตามกันเป็นจำนวนมาก

จากนั้นเมื่อช่วงปลายปี 2557 ได้สึกออกมาจากการเป็นพระ แต่ยังไม่มีงานทำขาดรายได้ จึงคิดหารายได้ทางลัดโดยการหลอกเหยื่อว่ารับบริจาคเงินไถ่โคกระบือดังกล่าวผ่านทางบัญชีส่วนตัว ส่วนใหญ่เหยื่อหลงเชื่อโอนให้เป็นจำนวนหลักพัน วันละ 10-20 ราย จากนั้นจะนำเงินที่ได้ไปซื้อรถเบนซ์รุ่นเอสแอลเค ราคาประมาณ 5 ล้านบาท รวมทั้งสามารถซื้อคอนโดมิเนียมหรูย่านห้วยขวาง บางส่วนจะนำไปใช้เที่ยวเตร่ตามสถานบันเทิง แต่ละครั้งจะอ้างตัวเป็นตำรวจยศสารวัตรเพื่อจีบหญิงสาวในผับนั้นๆ และจะแจกทิปเด็กในร้านเสมอจนทำให้หลายคนหลงเชื่อ จนมาถูกจับกุมดังกล่าว ส่วนเครื่องแบบตำรวจที่ประดับยศสารวัตรนั้นตนซื้อมาเพื่อไว้ถ่ายภาพไปแอบอ้างเหยื่อ

นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ติดคดีฉ้อโกงค่าอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ สน.ท่าข้าม เมื่อปี 2549 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ ต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งเนื่องจากมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพรายนี้ หากมีผู้เสียหายรายใดถูกคนร้ายก่อเหตุลักษณะดังกล่าวสามารถเดินทางเข้าชี้ตัวได้ที่ สน.ทองหล่อ เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม ทำปลอมขึ้นซึ่งรอยตราพระปรมาภิไธย และใช้รอยตราพระปรมาภิไธยที่ทำปลอมขึ้น ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น