ASTV ผู้จัดการ - เจ้าหน้าที่คุมตัว “สุริยัน สุจริตพลวงศ์” หรือ “หมอหยอง” พร้อมด้วย “พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา” สารวัตรกอง 1 ปอท. และ “จิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์” คนสนิทหมอหยอง ผู้ต้องหาร่วมคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ฝากขังผลัดแรกที่ศาลทหารกรุงเทพ
วันนี้(21ต.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด กองปราบปราม ควบคุมตัว พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา สารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.,นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง หมอดูชื่อดัง และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขานายสุริยัน ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อกล่าวหา หมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามมาตราประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่ง พ.ต.ตปรากรม ยังถูกดำเนินคดีเพิ่มในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง มีใช้ซึ่งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
สืบเนื่องจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ตรวจพบว่า มีกลุ่มบุคคลร่วมกันกระทำผิด โดยมีพฤติการณ์แอบอ้างหรือแสดงออกในลักษณะต่างกรรมต่างวาระกัน เพื่อให้ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปเข้าใจว่า กลุ่มคนที่กระทำผิด มีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง และมีการเรียกรับผลประโยชน์ รวมถึงมีการกระทำความผิดกฎหมายอีกหลายฐานความผิด จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันเบื้องสูง และความเสียหายอื่น ๆ ในวงกว้าง
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจึงใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูล และควบคุมตัวไว้ ก่อนจะพบว่า มีมูลกระทำความผิดจริง จึงมอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ คสช. แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามข้อหาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ศาลทหารอนุญาตให้ฝากขังผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายนนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวไปควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามคน ไปควบคุมที่ที่เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11
ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามคนให้การรับสารภาพ และให้การพาดพิงถึงตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 8 นาย ที่ถูกสั่งช่วยราชการก่อนหน้านี้ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหากระทำความผิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 เดือน และมีความผิดมากกว่า 1 กรรม และเชื่อว่า มีผู้ร่วมขบวนการอีก และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานว่ามีความความเชื่อมโยงถึงบุคคลใดบ้าง ก็จะมีการดำเนินคดี และออกหมายจับเพิ่มเติม