ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- รัฐบาล และ กกต.เปิดเวทีแจงรัฐธรรมนูญ ประชามติชาวอีสานที่โคราช จัดกำลังทหาร ตำรวจตรวจเข้มการเข้าออกห้องประชุม ส่งชุดตรวจวัตถุระเบิดตรวจรอบพื้นที่จัดงาน หวั่นเหตุวุ่นวาย ชาวบ้านบ่นอุบเข้มงวดเกินไปทำประชาชนเดือดร้อน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ หลังศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้จัดให้มีการประชุมชี้แจง “ร่างรัฐธรรมนูญ ประชามติ และ ประชาชน” ในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นครั้งที่ 4 โดยมี นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง นายปกรณ์ นิลประพันธ์ นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ นายสมชาย แสวงการ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่วนผู้แทนคณะรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมในการชี้แจงในครั้งนี้
โดยมีนักการเมืองระดับประเทศ ท้องถิ่น ผู้แทนชุมชน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนจาก 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงครั้งนี้
ทั้งนี้ เจ้าหนาที่ทั้งตำรวจ ทหารได้จัดกำลังมากกว่า 100 นาย ดูแลสถานที่จัดการประชุมชี้แจงอย่างเข้มงวด และมีการตรวจเข้มบุคคลที่เข้ารับฟังการชี้แจงครั้งนี้
ซึ่งทุกคนต้องเดินผ่านเครื่องสแกนอาวุธ และห้ามนำเครื่องมือสื่อสาร รวมถึงโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องประชุมอย่างเด็ดขาด พร้อมจัดกำลังตรวจชุด EOD ตรวจเข้มหาวัตถุระเบิดบริเวณจัดการประชุมอย่างเข้มงวด รวมถึงสื่อมวลชนที่จำกัดเวลา และพื้นที่ในการเข้าไปบันทึกภาพ และเจ้าหน้าที่ได้ให้สื่อออกมานั่งฟังผ่าน CCTV อยู่ห้องประชุมท้าวสุรนารี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ห่างจากห้องประชุมประมาณ 50 เมตร
พร้อมมีการจัดสถานที่ในการแถลงข่าวในช่วงบ่าย และกันประชาชนที่เดินทางมาทำบัตรประจำตัวประชาชนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา ติดกับสถานที่แถลงข่าวให้ออกมานั่งรออยู่ด้านนอก ซึ่งประชาชนหลายคนไม่พอใจต่อการเข้มงวดเกินไปของเจ้าหน้าที่
สำหรับวัตถุประสงค์การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารและคำชี้แจงจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ และมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนั้นๆ โดยผู้มีสิทธิต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นเพิ่มเติม กระบวนการขั้นตอนการออกเสียงประชามติ และโรดแมปของประเทศอย่างถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
ซึ่งระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก 43 วัน ก่อนถึงวันออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.2559 ประชาชนสามารถสืบค้นข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบได้เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกช่องทางทุกรูปแบบ
