ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจ ศปอช.ภ.จว.ชลบุรี รวบ 2 ผัวเมียแขกขาวทำทีตีสนิทนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อขอแลกเงินตราต่างประเทศ แต่สุดท้ายแอบฉกเงินเผ่นหนี
วันนี้ (12 มิ.ย.) พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผกก.สส.สภ.นาจอมเทียน ช่วยราชการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ภ.จว.ชลบุรี หรือ ศปอช.ภ.จว.ชลบุรี และ พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา พร้อมกำลังตำรวจ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายโพลัต อิบาร์ฮิม (Mr.Polat Ibrahim) อายุ 44 ปี สัญชาติตุรกี และนางซาเดน่า เกราวานเด ฮาเมดานี่ (Mr.Sadena Geravandeh Hamedani) อายุ 45 ปี สัญชาติอิหร่าน 2 สามีภรรยาผู้ต้องหาในคดีร่วมกันลักทรัพย์
พร้อมของกลางรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีดำ ทะเบียน 1 กง 92 สุราษฎร์ธานี และธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศต่างๆ รวม 20 ฉบับ
พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน อินเดีย และเกาหลี เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ว่า ได้ถูก 2 สามีภรรยาชาวตะวันออกกลาง ก่อเหตุลักทรัพย์โดยใช้กลอุบายตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ
วิธีการจะทำทีเข้าไปพูดคุยตีสนิท สอบถามเรื่องเกี่ยวกับการแลกเงินต่างประเทศเป็นเงินสกุลไทย พร้อมกับขอดูตัวอย่างธนบัตรไทย หรือไม่ก็ธนบัตรสกุลดอลลาร์จำนวนหลายฉบับ เมื่อผู้เสียหายเผลอก็จะแอบขโมยเงินแล้วหลบหนีไป จนมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อแล้วหลายราย และสูญเงินสดรวมๆ กันแล้วหลายแสนบาท
ต่อมา ตำรวจออกสืบสวนหาข่าว และแกะรอยจากภาพวงจรปิด และขออำนาจศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับ จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมทั้ง 2 คนได้ที่บริเวณลานจอดรถอเมซอนคอนโดมิเนียม ซอยบุณย์กัญจนาราม 5 ย่านชายหาดจอมเทียน โดยในขณะนี้มีผู้เสียหายชี้ตัวยืนยันแล้ว 2 ราย และกำลังอยู่ในระหว่างการติดตามหาผู้เสียหายเพิ่มเติม
จากการสอบสวน ทั้งคู่เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ตรวจสอบประวัติ และหนังสือเดินทางพบว่า นายโพลัต เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 ม.ค.57 อยู่ครบกำหนดวันที่ 8 ก.พ.57 ส่วนนางซาเดน่า เข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มี.ค.59 และครบกำหนดวันที่ 28 พ.ค.59
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธแต่ทางตำรวจมีหลักฐานแน่นหนา จึงแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นจากการจับกุม และข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่ากฎหมายกำหนด ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป