xs
xsm
sm
md
lg

ซีพีเอฟ แนะหลักการเลี้ยงไก่โดยไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ซีพีเอฟ แนะหลักการเลี้ยงไก่เนื้อโดยไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ด้วยการปรับปรุงระบบป้องกัน และการดูแลฟาร์มเลี้ยงไก่ที่เคร่งครัด เพื่อป้องกันโอกาสเสี่ยงให้ไก่ป่วย ผลจากการที่ประสบความสำเร็จการดำเนินการนำร่องไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ พร้อมเดินหน้าฟาร์มทุกแห่งของบริษัทปลอดยาปฏิชีวนะ ปี 2561

นายสัตวแพทย์ นรินทร์ ร่มลำดวน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักเทคนิคและวิชาการสัตว์บก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากการที่ได้ดำเนินโครงการนำร่องการเลี้ยงไก่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตั้งแต่ปี 2557 ได้ผลประสบความสำเร็จที่น่าพอใจ สอดคล้องตามนโยบายของบริษัทฯ มีแนวทางการผลิตเนื้อสัตว์ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะ พร้อมเดินหน้าให้ความรู้เจ้าหน้าที่ และเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรายย่อย (คอนแทร็กฟาร์ม) นำหลักการเลี้ยงไก่ปลอดยาปฏิชีวนะไปใช้ทุกฟาร์ม ตั้งเป้าฟาร์มทุกแห่งทั่วประเทศปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะภายในปี 2561

“ซีพีเอฟ พบว่า หลักการการเลี้ยงไก่เนื้อปลอดยาปฏิชีวนะที่ได้จากโครงการนำร่องเป็นประโยชน์ต่อการเลี้ยงไก่เนื้อของไทย เพราะช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเนื้อไก่ไทยให้สูงขึ้น และยังมีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่ง ปัจจุบันกระบวนการผลิตไก่เนื้อของไทยได้มาตรฐานระดับโลก และมีการใช้ยาปฏิชีวนะเท่าที่จำเป็นภายใต้การควบคุมของสัตวแพทย์อยู่แล้ว ผ่านการตรวจสอบ และรับรองจากกรมปศุสัตว์อย่างเข้มงวด” น.สพ.นรินทร์ กล่าว

ปัจจุบัน ฟาร์มทุกแห่งของบริษัทฯ และฟาร์มของเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพฯ ใช้ยาปฏิชีวนะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ใช้เพื่อการรักษาเฉพาะกรณีที่สัตว์ป่วยเป็นไปตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) และอยู่ภายใต้การดูแล และควบคุมโดยสัตวแพทย์ และจะหยุดการใช้ตามข้อกำหนดระยะหยุดยาจนไก่ปลอดจากสารตกค้างก่อนส่งเข้ากระบวนการผลิตเพื่อแปรรูปต่อไป ผ่านการตรวจสอบ และรับรองว่าปลอดภัยจากเชื้อดื้อยา จากกรมปศุสัตว์ และประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง เป็นประเทศที่มีความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยของอาหารสูงมาก และประเทศไทยกับคู่ค้ามีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องระบบการป้องกันการใช้ยาปฏิชีวนะ และการตรวจสอบสารตกค้างในอาหาร

หลักการเลี้ยงไก่ปลอดยาปฏิชีวนะ เกษตรกรต้องเริ่มต้นที่การคัดแยกลูกไก่จากฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพ มีอายุไข่ที่เหมาะสม มีการฆ่าเชื้อไข่ฟัก การจัดการโรงฟักที่ดี จนถึงการบริหารจัดการไก่ภายในโรงเรือนก็เป็นปัจจัยสำคัญต้องมีระบบป้องกันโรค (Biosecurity) ที่เข้มงวด มีการล้างทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรงเรือนก่อนนำไก่เข้าเล้า มีการตรวจสอบเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับแกลบ หรือวัสดุที่ใช้รองพื้นเล้า ระหว่างการเลี้ยง ต้องดูแลอุณหภูมิในโรงเรือนต้องเหมาะสม และทั่วถึงไก่ทุกตัว มีการเก็บอาหารสัตว์ในที่มิดชิดป้องกันสัตว์ และสิ่งปนเปื้อน มีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวด

“หัวใจสำคัญของการเลี้ยงไก่ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะ เกษตรกรต้องเพิ่มการดูแลไก่ในโรงเรือนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงต้องไม่ละเลยข้อปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการปนเปื้อนทุกอย่าง ที่ผ่านมา เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ดูแลไก่ในโรงเรือนอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว จึงมั่นใจว่า เกษตรกรสามารถทำได้ และในส่วนของบริษัทฯ เองยังเน้นการไม่ใช้ยาปฏิชีวนะในพ่อแม่พันธุ์ เพื่อให้มั่นใจว่า ลูกไก่มาจากพ่อแม่พันธุ์ที่ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะอีกด้วย” น.สพ.นรินทร์ กล่าวย้ำ

ขณะเดียวกัน เกษตรกรต้องต้องมีระบบป้องกันที่ดี มีวิธีการช่วยลดแบคทีเรียก่อโรค และเพิ่มแบคทีเรียที่มีประโยชน์ เป็นการดูแลสุขภาพไก่อย่างดีที่สุด เสริมความสามารถในการย่อย และดูดซึมอาหารของไก่ เพื่อไม่ให้อาหารที่ย่อย และดูดซึมไม่หมดต้องตกค้างจนกลายเป็นอาหารให้เชื้อแบคทีเรียก่อโรค เช่น อีโคไล ซาลโมเนลล่า หรือคลอสตริเดียม เป็นการป้องกันทุกวิถีทางไม่ให้ไก่มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อใดๆ ทำให้ไก่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ และสามารถดำรงสุขภาพอย่างแข็งแรงได้ตั้งแต่ฟักเป็นตัว กระทั่งเข้าสู่โรงงานแปรรูป โดยตลอดเส้นทางแม้จะไม่มีการใช้ยาแต่ บริษัทฯ ก็ยังคงต้องตรวจสอบยาปฏิชีวนะตกค้าง เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าไม่พบสารตกค้างใดๆ และปลอดภัยต่อผู้บริโภค และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

ในปี 2559 นี้ ทีมเทคนิค และวิชาการของบริษัทฯ เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำฟาร์ม และเกษตรกรในโครงการส่งเสริมฯ ทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจหลักการการเลี้ยงไก่เนื้อโดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ มั่นใจว่า ในปี 2561 จากหลักการ และแนวทางที่ดำเนินการกับฟาร์มนำร่องจะช่วยให้ฟาร์มทุกแห่งทั่วประเทศของบริษัท และฟาร์มของเกษตรกรในโครงการสามารถปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะได้อย่างแน่นอน

“บริษัทฯ ยังนำความสำเร็จของโครงการนี้เป็นแนวทางปฏิบัติต่อธุรกิจเลี้ยงไก่เนื้อในทุกประเทศที่บริษัทไปลงทุน เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไก่เนื้อให้สูงขึ้น และเป็นที่ยอมรับ และมั่นใจของผู้บริโภคทั่วโลก” น.สพ.นรินทร์ ย้ำ

กำลังโหลดความคิดเห็น