xs
xsm
sm
md
lg

วิธีสังเกต “หวัด” จากเชื้อ “ไวรัส” และ “แบคทีเรีย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อย. ชี้ประชาชนยังเข้าใจผิด ซื้อยาปฏิชีวนะกินเมื่อเป็นหวัด ชี้อาจเป็นอันตรายและเกิดกรณีเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ย้ำหวัดเกิดจากเชื้อไวรัสถึง 80% ยาปฏิชีวนะใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียจึงไม่มีผล พร้อมแนะวิธีแยกอาการหวัด เจ็บคอที่เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย

นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ประชาชนอาจเจ็บป่วยเป็นโรคหวัดง่าย โดยจะมีอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล ไอ มีเสมหะ หรือมีไข้ร่วมด้วย ปัญหาคือคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าจะต้องกินยาปฏิชีวนะ ซึ่งเป็นยาที่ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ส่วนใหญ่หวัด เจ็บคอ ร้อยละ 80 เกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ เพราะหากกินยาปฏิชีวนะทุกครั้งที่เจ็บคอเท่ากับเป็นการใช้ยาโดยไม่จำเป็น อาจได้รบอันตรายจากการใช้ยา รวมถึงเชื้อแบคทีเรียจะดื้อยาเพิ่มมากขึ้น

นพ.ปฐม กล่าวว่า หวัด เจ็บคอที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียก็มี แต่มีเพียงส่วนน้อยคือร้อยละ 20 วิธีการเบื้องต้นในการแยกแยะการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย คือ หากเป็นเชื้อไวรัส มักมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ มีเสมหะ เสียงแหบ คันคอ เจ็บคอ หรือมีไข้ร่วมด้วย นานประมาณ 7-14 วัน อาการจะมากสุดในช่วงวันที่ 3-5 จากนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้น น้ำมูกน้อยลงและข้นขึ้น บางทีอาจมีสีออกเหลืองโดยเฉพาะช่วงเช้า แต่อาการไออาจอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ งานวิจัยชี้ชัดว่ายาปฏิชีวนะไม่ช่วยให้อาการไอและหวัดหายเร็วขึ้นแต่อย่างใด การรักษาที่ดีที่สุด คือ การพักผ่อนและดื่มน้ำอุ่นเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานมาต่อสู้กับเชื้อไวรัส และอาจปรึกษาเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการหวัด ไอ คัดจมูก หรือเจ็บคอ

นพ.ปฐม กล่าวว่า ส่วนอาการที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มักมีอาการคือ ไม่ไอ มีไข้ ต่อมทอนซิลมีจุดขาวหรือเป็นหนอง และต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรโต กดแล้วเจ็บ ประชาชนสามารถสำรวจต่อมน้ำเหลืองของตนเองโดยการคลำบริเวณใต้ขากรรไกร เพื่อดูว่าต่อมน้ำเหลืองบริเวณนี้โต หรือกดเจ็บหรือไม่ และสามารถดูต่อมทอนซิลของตนเองโดยการอ้าปากและส่องกระจกดูที่ต่อมทอนซิลว่ามีจุดขาว หรือเป็นหนองหรือไม่ หากมีอาการ 3 ใน 4 อย่าง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

“ก่อนกินยาปฏิชีวนะทุกครั้งต้องมั่นใจว่าเป็นโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ไม่ควรกินยาปฏิชีวนะโดยไม่รู้ว่าป่วยด้วยโรคติดเชื้อแบคทีเรียหรือไม่ โดยสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรซ้ำทุกครั้งเพื่อความมั่นใจ และขอเตือนอย่าซื้อยาปฏิชีวนะมากินเอง หรือใช้ตามที่คนอื่นแนะนำ และอย่าแบ่งยาปฏิชีวนะของตนเองให้แก่ผู้อื่น เนื่องจากยาปฏิชีวนะมีหลายชนิด เช่น เพนนิซิลลิน อะม็อกซิซิลลิน เตตราซัยคลิน อิริทโทรมัยซิน โคทรัยม็อกซาโซล เป็นต้น ซึ่งแต่ละชนิดใช้กับเชื้อแบคทีเรียต่างกัน ที่สำคัญเราไม่รู้ว่าเขาแพ้ยาหรือไม่ หรือมีโรคประจำตัวอะไร” เลขาธิการ อย. กล่าว

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น