ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผอ.รพ.กรุงเทพพัทยา ยันธุรกิจสถานพยาบาลในประเทศไทย และภาคตะวันออก ตลอดปี 59 ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้ ศก.ในภาพรวมจะยังซบเซา เผยปัจจัยสำคัญมาจากการตื่นตัวเรื่องการใช้สิทธิรักษาพยาบาล และการซื้อประกันสุขภาพภาคสมัครใจของกลุ่มคนไข้ชาวไทย และการขยายตลาดไปยังกลุ่มคนไข้กำลังซื้อสูงในจีน และพม่า ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการผุด รพ.ขนาด 200 เตียง ย่านจอมเทียน รับกลุ่มประกันสังคม
นพ.สีหราช โลหชิตรานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา กล่าวว่า ธุรกิจสถานพยาบาลในประเทศไทย และในภาคตะวันออก ตลอดปี 2559 จะยังมีโอกาสที่ดี และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และเศรษฐกิจโลกจะยังชะลอตัว
ทั้งนี้ เป็นเพราะการตื่นตัวด้านการใช้สิทธิรักษาพยาบาลของคนไทย ที่นอกจากการใช้สิทธิขั้นฐานต่างๆ แล้ว ปัจจุบัน คนไทยยังใส่ใจซื้อประกันสุขภาพภาคสมัครใจเพิ่มมากขึ้น ทำให้ธุรกิจสถานพยาบาลต้องทำงานใกล้ชิดกับบริษัทประกันมากตามไปด้วย
“สภาพเศรษฐกิจโดยรวมทำให้เห็นได้ชัดว่า กลุ่มคนไข้ในยุโรปจะซึมตัว เช่นเดียวกลุ่มคนไข้ตลาดรัสเซีย ที่คาดว่าอีก 2-3 ปีจึงจะกลับมา เราจึงต้องเลือกทำตลาดเฉพาะกลุ่มคนไข้ที่มีกำลังซื้อในประเทศจีน และพม่า ที่ขณะนี้หลายโรงพยาบาลเริ่มเข้าไปทำตลาดกันแล้ว หลังพบว่า ผู้มีกำลังซื้อในประเทศพม่า ส่วนใหญ่จะเดินทางไปรักษาตัวที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในส่วนของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ก็เลือกที่เปิดเป็นคีออสก์เพื่อดึงกลุ่มคนไข้เหล่านี้ให้เข้ามารักษาพยาบาลในไทย แทนที่จะเข้าไปลงทุนสร้างสถานพยาบาล”
นพ.สีหราช ยังเผยอีกว่า จากจุดแข็งเรื่องค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์ และจุดแข็งเรื่องการมีหัวเมืองใหญ่ อย่างเช่น พัทยา และภูเก็ต ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ และความสามารถของแพทย์ และโรงพยาบาล จึงเชื่อว่าน่าจะสามารถดึงผู้ป่วยในประเทศใกล้เคียงให้ข้ามมารักษาพยาบาลในไทยได้ และในปี 2559 โรงพยาบาลในเครือกรุงเทพภาคตะวันออก ที่ประกอบด้วย โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา กรุงเทพระยอง จันทบุรี และตราด รวมทั้งคลินิกที่เกาะช้าง รวมทั้งโรงพยาบาลศรีระยอง ที่เปิดขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ประกันสังคมก็พร้อมที่จะให้บริการคนไข้ในทุกกลุ่ม
“ในเมืองพัทยา เรายังมีโครงการจอมเทียน ที่ขณะนี้เปิดเป็นคลินิก 24 ชั่วโมง และได้ทำ EIA เสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงการขอใบอนุญาตก่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง ภายใต้งบก่อสร้างประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งหากได้รับใบอนุญาตจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างอีก 1 ปี 9 เดือน แต่เราก็จะต้องประเมินสถานการณ์การลงทุนกันอีกครั้งว่า สมควรที่จะลงมือเมื่อไร เพราะศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลกรุงเทพก็ยังมีอยู่สูง ซึ่งเราตั้งเป้าหมายให้โครงการจอมเทียน เป็นหน่วยรองรับคนไข้ประกันสังคม”
นพ.สีหราช เผยเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา มีความพยายามที่จะพัฒนาเรื่องการรักษาพยาบาลในกลุ่มผู้ป่วยโรคยาก ทั้งผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉิน ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคสมอง และโรคกระดูก นอกจากนั้น ยังมีโครงการตอบแทนสังคม คือ I Rescue เนื่องจากโรงพยาบาลฯ ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการบาดเจ็บ และอุบัติเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นได้ง่าย โครงการนี้จะเป็นการอบรมให้ผู้ที่อยู่ในหน่วยงานภาครัฐ เอกชน บริษัท และโรงแรมต่างๆ สามารถดูแลนักท่องเที่ยว และประชาชนที่ได้รับอุบัติเหตุฉุกเฉินได้อย่างถูกวิธี และยังมีโครงการ I Rescue ตอนเล่นน้ำปลอดภัย เพื่อลดอัตราการสูญเสียจากกรณีเด็กจมน้ำ
และยังขออนุญาตเป็นหน่วยงานฝึกอบรมที่สามารถออกใบอนุญาตให้แก่เวชกิจฉุกเฉินที่จะใช้ในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงมูลนิธิ เพื่อชูจุดแข็งความพร้อมด้านการดูแลอุบัติเหตุฉุกเฉินอีกด้วย