บุรีรัมย์ - จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบุรีรัมย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบแกะรอยเท้า หลังชาวบ้านแจ้งพบเสือสามแม่ลูกเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณป่าอ้อยใกล้หมู่บ้าน ล่าสุดยังพบรอยเท้าสัตว์กระจายอยู่ตามพื้นที่ป่าจริงแต่ยังไม่พบตัวเสือ ขณะชาวบ้านยังผวาไม่กล้าออกไปทำไร่ทำสวน และเลี้ยงวัวควาย หวั่นถูกเสือทำร้าย
วันนี้ (7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังชาวบ้านโคกระกา ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ออกไปหาเห็ดได้พบเห็นเสือสามแม่ลูกเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณป่าอ้อยใกล้กับป่าสาธารณะโคกไม้แดง จนสร้างความหวาดผวาให้แก่ชาวบ้าน
ล่าสุดเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมแกะรอยเท้า บริเวณที่ชาวบ้านแจ้งว่าพบเสือสามแม่ลูก พบร่องรอยเท้าสัตว์ลักษณะคล้ายกับรอยเท้าเสือเดินย่ำอยู่บริเวณป่าดังกล่าวจริง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นรอยเท้าเสือหรือไม่ เนื่องจากยังไม่พบตัวเสือตามที่ชาวบ้านแจ้ง จึงเป็นเพียงการสันนิษฐานว่าจะเป็นรอยเท้าเสือ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ร่วมกับผู้นำชุมชน หน่วยกู้ชีพ และชาวบ้าน เข้าไปแกะรอยเท้าเพื่อค้นหาในบริเวณป่าดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบตัวเสือจริงเจ้าหน้าที่จะรายงานไปยังสวนสัตว์นครราชสีมา เข้ามาดำเนินการติดตามจับตัวเสือดังกล่าวไปปล่อยป่าธรรมชาติเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน
อย่างไรก็ตาม หลังชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงทราบข่าวว่ามีคนพบเสือ ต่างพากันหวาดผวาและไม่กล้าออกไปทำไร่ทำสวน หรือเลี้ยงวัวควายใกล้บริเวณป่า เพราะเกรงจะถูกเสือทำร้าย
นางเพียง ด่วนรับรัมย์ อายุ 63 ปี ชาวบ้านบ้านหนองไม้แดง ต.บ้านบัว บอกว่าหลังทราบว่ามีคนเห็นเสืออยู่บริเวณป่าอ้อยใกล้หมู่บ้าน และล่าสุดพบรอยเท้าอยู่ใกล้ทุ่งนาที่เคยนำวัวควายไปเลี้ยงจึงเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าจะนำวัวควายไปปล่อยเลี้ยงไว้เพราะเกรงจะถูกเสือทำร้ายทั้งสัตว์และคน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามค้นหาเสือให้พบและนำไปปล่อยป่าลึกโดยเร็วเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน
ขณะที่นายประพันธ์ ธรรมพร ผู้ช่วยเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ระบุว่า หลังได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านพบเสืออยู่บริเวณป่าอ้อยใกล้กับหมู่บ้านได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบก็พบรอยเท้าสัตว์จริง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นรอยเท้าเสือจริงหรือไม่ เพราะยังไม่พบเห็นตัวเสืออาจเป็นรอยเท้าสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายเสือก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะได้แกะรอยค้นหาเพื่อความแน่ชัดอีกครั้ง พร้อมทั้งได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ชาวบ้านหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปใกล้เขตป่าในช่วงนี้เพื่อความปลอดภัยจนกว่าจะตรวจสอบแน่ชัดว่าเป็นเสือจริงหรือเป็นสัตว์ชนิดอื่น แต่หากเป็นเสือจริงก็คาดว่าน่าจะมีผู้ลักลอบนำมาปล่อยเพราะเกรงกลัวความผิด เนื่องจากเสือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ไม่สามารถนำมาเลี้ยงหรือมีไว้ในครอบครองได้