พระนครศรีอยุธยา - อธิบดีอัยการภาค 1 พร้อมอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวสั่งฟ้อง “เสี่ยเบนซ์-เจนภพ วีรพร” ผู้ต้องหาซิ่งเบนซ์หรูพุ่งชนท้ายรถยนต์ฟอร์ด 2 นศ.ปริญญาโทจนเกิดไฟลุกท่วม และเสียชีวิตคาซากรถ โดยสั่งฟ้องทั้งหมด 8 ข้อหาหนัก ตามที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวน 686 หน้าให้พิจารณาสั่งฟ้อง
จากกรณีที่ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี เสี่ยนำเข้ารถหรู และเป็นลูกชาย ของนายเจษฎา วีรพร กรรมการบริษัท เลนโซ่ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ หมายเลขทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด หมายเลขทะเบียน ฆย 6911 กรุงเทพมหานคร จนเกิดไฟลุกท่วม และเป็นเหตุให้ นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี ซึ่งทั้งคู่เป็นนิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาซากรถ เหตุเกิดที่บนถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.59 ที่ผ่านมา และต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้ส่งสำนวนการสอบสวน จำนวน 686 หน้า ให้แก่เจ้าพนักงานพนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง โดยตั้ง 8 ข้อหาหนัก แก่ นายเจนภพ วีรพร ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (27 พ.ค.) ที่สำนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายยงยุทธ เกียรติศักดิ์โสภณ อธิบดีอัยการภาค 1 นายกฤษดา โรจนสุวรรณ อัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ร่วมกันแถลงข่าวหลังจากได้ทำการตรวจสอบสำนวนทั้งหมด 686 หน้าแล้ว โดยสั่งฟ้อง นายเจนภพ วีรพร ผู้ต้องหา 8 ข้อหา
นายยงยุทธ เกียรติศักดิ์โสภณ อธิบดีอัยการภาค 1 กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม การทำคดีนี้เน้นเป็นพิเศษ เพราะประชาชนให้ความสนใจ และติดตามการทำงานของกระบวนการยุติธรรม ทางอัยการสูงสุดเน้นให้รวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยหลักการเราต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย รวมทั้งผู้ต้องหา จึงได้ตั้งคณะอัยการที่มีความเชี่ยวชาญ ความสามารถของสำนักงานอัยการสูงสุด และอัยการจังหวัดเข้ารวมพิจารณาสำนวน ในครั้งนี้จนแล้วเสร็จ
นายกฤษดา โรจนสุวรรณ อัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบสำนวนทั้งหมด 8 ข้อหา และได้ตั้งข้อกล่าวหายื่นฟ้อง ดังนี้
1.ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
2.ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
3.ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
4.เป็นผู้ขับรถเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
5.ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ
6.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
7.ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานสอบสวนที่สั่งให้มีการทดสอบ และตรวจสอบผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 142, 157/1 โดยไม่มีเหตุอันสมควร
8.ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายกำหนดโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
พร้อมกับคำขอท้ายฟ้อง
1.ขอให้ศาลเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ฉบับที่ 41006330 ของ นายเจนภพ วีรพร
2.ขอให้ศาลใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยแก่ นายเจนภพ วีรพร ดังนี้
2.1.ขอศาลสั่งให้ส่ง นายเจนภพ วีรพร ไปคุมตัวไว้ในสถานพยาบาล เพราะปล่อยตัว นายเจนภพ วีรพร ซึ่งมีจิตบกพร่องโรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน และไม่ต้องรับโทษหรือได้รับการลดโทษ จะเป็นการไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 48
2.2 ขอศาลกำหนดในคำพิพากษาว่า นายเจนภพ วีรพร จะต้องไม่เสพสุราและยาเสพติดให้โทษภายในเวลาที่กำหมด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49
ทั้งนี้ ยังแจ้งสิทธิแก่ญาติของ นายกฤษณะ ถาวร และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย ผู้ตายทั้ง 2 คือ
1.สิทธิรับค่าตอบแทนผู้เสียหานในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544
2.สิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 44/1
โดยในวันนี้จะนำสำนวนส่งฟ้องที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทันที ส่วนตัวของ นายเจนภพ อยู่ระหว่างการฝากขังของศาล จึงไม่ต้องมีการนำตัว นายเจนภพ มาแสดงต่อศาลด้วย