xs
xsm
sm
md
lg

ตร.บุรีรัมย์ออกหมายเรียกเจ้าของรถแก๊งหลอกเชิดผ้าไตรพระมาเค้นหาตัวผู้กระทำผิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ตำรวจบุรีรัมย์ออกหมายเรียกผู้ครอบครองรถเก๋งปรากฏในภาพวงจรปิด ที่แก๊งมิจฉาชีพใช้ก่อเหตุตระเวนหลอกเชิดผ้าไตรพระหลายวัด มาสอบสวนเพื่อหาข้อมูลเบาะแสสาวหาผู้กระทำผิด วันนี้ (26 พ.ค.)
บุรีรัมย์ - ตำรวจบุรีรัมย์ ออกหมายเรียกผู้ครอบครองรถเก๋งปรากฏในภาพวงจรปิดที่แก๊งมิจฉาชีพใช้ก่อเหตุตระเวนหลอกเชิดผ้าไตรพระหลายวัดมาสอบสวน เพื่อหาข้อมูลเบาะแสสาวหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี เบื้องต้น พบเข้าข่ายฉ้อโกง พร้อมเตือนทุกวัดเฝ้าสังเกตบุคคลต้องสงสัย หากพบรีบแจ้งเจ้าหน้าที่

วันนี้ (26 พ.ค.) ความคืบหน้ากรณีแก๊งมิจฉาชีพขับรถเก๋งออกตระเวนก่อเหตุหลอกนิมนต์พระสงฆ์วัดหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยอ้างว่า จะนิมนต์ไปฉันเพลงานทำบุญบ้าน และบุญกระดูก จากนั้นจะออกอุบายขอบูชาผ้าไตรเพื่อเตรียมถวายพระในวันงาน แต่เมื่อได้ผ้าไตรไปแล้วหลอกว่าจะนำปัจจัยมาถวายให้ภายหลัง ซึ่งขณะนี้มีวัดที่ตกเป็นเหยื่อ 2 แห่ง คือ วัดหนองหัวลิง และวัดสว่างอารมณ์ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 20,000 บาท

ล่าสุด จากการประสานกับทางสำนักงานขนส่งจังหวัด พบว่า ป้ายทะเบียนของรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กธ 5112 กาญจนบุรี ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุซึ่งปรากฏอยู่ในภาพวงจรปิดที่ทางวัดบันทึกไว้ได้ พบว่า ผู้ครอบครองรถคันดังกล่าวชื่อ น.ส.อภันตรี วงษ์ท่าเรือ มีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุเป็นชาย 2 คน แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร

ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจึงได้ให้พนักงานสอบสวนทำการออกหมายเรียกเจ้าของรถคันดังกล่าวมาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อชายทั้ง 2 คนหรือไม่ หรือรถถูกขโมย หรือมีการขายต่อหรือไม่อย่างไร เพื่อจะได้เป็นข้อมูลเบาะแสในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุหลอกลวงพระมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.สุรพล มุ่งมา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากพฤติกรรมการก่อเหตุของมิจฉาชีพที่ตระเวนหลอกลวงพระในพื้นที่เข้าข่ายการฉ้อโกง ซึ่งเป็นคดีความผิดส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำผิด แต่ขณะนี้ทางผู้เสียหายไม่ได้มาแจ้งความร้องทุกข์

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจต้องออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบสวนข้อเท็จจริง ถึงแม้ผู้เสียหายจะไม่ติดใจเอาความ พร้อมจะได้ทำบันทึกประวัติไว้เพื่อเป็นการปรามไม่ให้ไปก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก พร้อมเตือนพระวัดต่างๆ ให้ระมัดระวัง หากพบบุคคลต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น