xs
xsm
sm
md
lg

อช.เขาแหลมแจง “ชาวปรังเผล” ที่ถูกอุทยานฯ ปักแนวเขตทับซ้อนโฉนด ชี้เป็นการปฏิบัติงานรังวัดของ จนท.ส่วนรังวัดที่ดินป่าไม้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจากแฟ้ม
กาญจนบุรี - หัวหน้า อช.เขาแหลม แจงชาวบ้านพื้นที่ตำบลปรังเผล ที่รวมตัวร้องเรียนนายอำเภอสังขละบุรี ถูกอุทยานแห่งชาติเขาแหลมปักหลักแนวเขตอุทยานฯ ทับซ้อนโฉนดที่ดินชาวบ้าน 42 แปลง ชี้เป็นการปฏิบัติงานรังวัดปรับปรุงแนวเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ของเจ้าหน้าที่จากส่วนรังวัดที่ดินป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ส่วน อช.เขาแหลม เพียงแค่เข้าร่วมตามคำร้องขอเท่านั้น

จากรณี นายนิยม กลิ่นมณฑา กำนันตำบลปรังเผล พร้อมผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 หมู่ 2 หมู่ 3 และหมู่ 4 อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และชาวบ้านในพื้นที่กว่า 100 คน เข้าพบ นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เข้าไปปักหลักแนวเขตอุทยานฯ ตามโครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ (One Map) ทับซ้อนโฉนดที่ดินชาวบ้าน จำนวน 42 แปลง แปลงละ 14 ไร่ ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตจัดสรรให้จากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ ก่อนประกาศเป็นเขตอุทยานฯ ในปี พ.ศ.2535 และทับซ้อนพื้นที่ทำกินของประชาชนที่อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ ซึ่ง นายปกรณ์ ได้เชิญตัวแทนเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมมาชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เข้าร่วมรับฟัง

ล่าสุด วันนี้ (26 พ.ค.) นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เปิดเผยว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีคำสั่งที่ 2801/2558 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 เรื่องให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการไปปฏิบัติงานรางวัดปรับปรุงแนวเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อเร่งรัดจัดทำแนวเขตป่าอนุรักรักษ์ให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และรังวัดปรับปรุงแนวเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามแผนงานที่ได้กำหนดเอาไว้

ข้อเท็จจริงคือ ส่วนรังวัดที่ดินป่าไม้ ได้มีหนังสือ ที่ ทส.0913.605/59 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2559 เรื่อง การดำเนินการปรับปรุงรังวัดปรับปรุงแนวเขต แจ้งให้อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ทราบว่า นายคมสัน สามารถ นายช่างสำรวจชำนาญงาน หัวหน้าปฏิบัติงานสายที่ 11 และคณะเจ้าหน้าที่จะเข้าไปดำเนินงานรังวัดปรับปรุงแนวเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เดือนเมษายน 2559 เป็นต้นไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ และขอให้อุทยานแห่งชาติเขาแหลม แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมดำเนินการด้วย

ดังนั้น อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สายตรวจชุดที่ 1 เข้าร่วมดำเนินการรังวัดดังกล่าว นำโดย นายนาม เจริญกุล พนักงานพิทักษ์ป่า ส 2 ซึ่งก่อนเข้าดำเนินการได้ประสานกับผู้นำชุมชนเรียบร้อยแล้ว สำหรับพื้นที่ดำเนินการรังวัดดังกล่าวอยู่ในท้องที่หมู่ 1 หมู่ 2 หมู่ 3 และหมู่ 4 ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

โดยการรังวัดดังกล่าวได้ดำเนินการปักหลักแนวเขตตามแนวพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาช้างเผือก ป่าเขาบ่อแร่ ป่าเขาพระฤาษี และป่าห้วยเขย่ง ในท้องที่ตำบลไล่โว่ ตำบลหนองลู ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี และตำบลชะแล ตำบลปิล๊อก ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2534 (อุทยานแห่งชาติเขาแหลม) การดำเนินการดังกล่าวได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว

ต่อมา เมื่อวันที่ 25 พ.ค.59 นายนิยม กลิ่นมณฑา กำนันตำบลปรังเผล และชาวบ้านในพื้นที่ได้ยื่นหนังสือต่อ นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบกรณีการปักเขตดังกล่าว เนื่องจากได้มีการปักหลักทับแนวเขตโฉนดที่ดินของราษฎร ซึ่งนายปกรณ์ ได้เชิญตัวแทนของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมมาชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เข้าร่วมรับฟัง ซึ่งอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้มอบหมายให้ นายสุภาพ งามทองเหลือง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน เป็นผู้เข้าชี้แจง ราษฎรได้ขอให้อุทยานแห่งชาติเขาแหลม นำหลักแนวเขตที่ไปปักทับซ้อนกับพื้นที่โฉนดออกไปก่อน เพื่อให้ชาวบ้านสบายใจ ส่วนหลักเขตที่นำไปปักทับซ้อนที่ดินทำกินที่อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ให้คงไว้ดังเดิม

ขอชี้แจงว่า การดำเนินการรังวัดปักแนวเขตดังกล่าวข้างต้น เป็นการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่จากส่วนรังวัดที่ดินป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ร่วมดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อเร่งรัดจัดทำแนวเขตป่าอนุรักษ์ให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และรังวัดปรับปรุงแนวเขตป่าพื้นที่อนุรักษ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลตามแผนงานที่กำหนดไว้ จึงเป็นไปตามอำนาจหน้าที่เพื่อประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ซึ่งก่อนเข้าไปดำเนินการได้ประสานกับผู้นำชุมชนเพื่อทำความเข้าใจแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น