เพชรบุรี - ตามจับโจรเจาะตู้เซฟธนาคารกรุงเทพ สาขาชายหาดชะอำ ขนเงิน 11 ล้านบาทได้แล้ว หลังก่อเหตุนำเงินไปฝังดินซุกซ่อน และซื้อทองคำแท่งหนัก 40 บาท เหลือเงินรวมมูลค่าทองคำเพียง 5.7 ล้านบาท “ผบ.ตร.” ลงพื้นที่ชะอำ แถลงข่าวเผยผู้ต้องหาเป็นพนักงานขับรถยนต์ธนาคารกรุงเทพ สาขาสี่แยกชะอำ สารภาพทำลงไปเพราะความโกรธแค้นผู้จัดการธนาคารหญิงของสาขาย่อยชายหาดชะอำ ที่จะไล่ตนออกจากงาน
วันนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลักลอบเข้าไปในธนาคารกรุงเทพ สาขาชายหาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี แล้วทำการเจาะตู้เซฟขนเงินที่อยู่ภายในตู้เซฟไปกว่า 11 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ล่าสุด วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (24 พ.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชีการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) และ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) เพชรบุรี พ.ต.อ.จรูญศักดิ์ โต๊ะ ถม ผกก.สภ.ชะอำ พร้อมทีมชุดสืบสวนภาค 7 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และชุดสืบสวนตำรวจภูธร สภ.ชะอำ
ได้นำตัว นายวิชุกร หรือตั้ม สุดถนอม อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 ถนนคลองเทียน ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาคดีเจาะเซฟธนาคารกรุงเทพ สาขาชายหาดชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี แล้วกวาดเงินสดซึ่งเป็นเงินไทย และต่างประเทศรวม 11 ล้านบาท ไปเมื่อกลางดึกของวันที่ 9 พ.ค.59 ที่ผ่านมา โดยผู้ก่อเหตุเป็นพนักงานขับรถยนต์ธนาคารกรุงเทพ สาขาสี่แยกชะอำ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาข่าว และติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ จนกระทั่งทราบเบาะแสจากภาพกล้องวงจรปิด และรูปพรรณสันฐานของผู้ก่อเหตุ และรถยนต์กระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุจนนำไปสู่การรู้ตัวผู้ก่อเหตุ และได้ติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
พร้อมนำตัวตรวจค้นภายในบ้านพักเลขที่ 17 ถนนคลองเทียน ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยจุดซุกซ่อนเงินอยู่บริเวณด้านหลังบ้านซึ่งผู้ต้องหาได้นำเงินไปฝังดินเอาไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการขุดดินที่ฝังเงินสดเอาไว้ พบว่า มีเงินสดเป็นธนบัตรทั้งเงินไทย และเงินต่างประเทศ จำนวน 2 ถุง บรรจุในถุงข้าวสาร ถุงผ้าของธนาคาร และถุงพลาสติกสีดำ กำลังอยู่ระหว่างนับเงินโดยมีเจ้าหน้าที่ของธนาคารมาดำเนินการนับเงินส่วนที่เหลือ และอีก 1 ถุง ถูกซุกซ่อนไว้บนฝ้าเพดานภายในตัวบ้าน นับได้รวมทั้งหมด จำนวน 2.8 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้ทำการแถลงผลการจับกุมบริเวณจุดแรกที่ซ่อนเงิน
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ลงมือทำเพียงคนเดียว ที่ทำลงไปเพราะความโกรธแค้นผู้จัดการธนาคารหญิงของสาขาย่อยชายหาดชะอำที่จะไล่ตนออกจากงาน ครั้งแรกคิดว่ายิงให้ตายแต่เห็นว่า เป็นผู้หญิงจึงเปลี่ยนใจมาลงมือลักเงินแทนเพื่อต้องการกลั่นแกล้งให้ผู้จัดการธนาคารถูกย้าย และออกจากงาน แต่ไม่ได้หวังนำเงินไปใช้ประโยชน์แต่อย่างใด เพราะตนไม่มีได้ปัญหาเรื่องเงิน
ทั้งนี้ เงินที่นำมาเอาไปใช้เป็นค่าน้ำมันบางส่วนเท่านั้น และนำไปซื้อทองคำแท่งน้ำหนัก 40 บาท มูลค่า 700,000 บาท มาเก็บไว้ โดยมีเงินส่วนหนึ่งจำนวนหลายล้านบาทถูกไฟเผาไหม้เนื่องจากตนไม่ชำนาญในการใช้อุปกรณ์เป่าตู้เซฟทำให้เงินนั้นถูกไฟเผาไหม้เสียหาย
หลังจากนั้น ได้เดินทางไปตรวจค้นภายในบ้านพักของภรรยา เลขที่ 988/46 บ้านบางไทรย้อย ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านที่ผู้ต้องหาพักอาศัยในปัจจุบัน และเป็นจุดซ่อนเงินสดอีกจำนวน 2.2 ล้านบาท และทองคำแท่งรวมน้ำหนัก 40 บาท มูลค่า 700,000 บาท
โดยเงินสด 1 ล้านบาท ถูกนำใส่ถุงพลาสติกนำมาฝังดินไว้ข้างโอ่งน้ำหน้าบ้าน และอีก 1,200,000 บาท อยู่ในตู้เซฟบนบ้านพัก ส่วนทองคำหนัก 40 บาท ถูกซ่อนไว้บนกระเบื้องหลังคาบ้าน พร้อมกับตรวจยึดถังแก๊สที่ใช้ในคืนก่อเหตุซึ่งวางอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ สำหรับเงินสดที่เจ้าหน้าที่ยึดตืนมาได้ในครั้งนี้รวมทั้งสิ้นจำนวน 5,000,000 บาท รวมทองคำน้ำหนัก 40 บาท มุลค่า 700,000 บาท รวมเป็น 5,700,000 บาท ซึ่งเงินได้สูญหายไปอีกกว่า 5,300,000 บาท จากทั้งหมดกว่า 11 ล้านบาท
โดยหลังทำการตรวจค้น และยึดของกลาง ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยชายหาดชะอำ ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่ทราบข่าวต่างพากันมายืนรอดูการนำตัวผู้ก่อเหตุมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพจำนวนมาก โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพในการก่อเหตุ เนื่องจากเกรงพฤติกรรมเลียนแบบได้
หลังทำแผนเสร็จสิ้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างในเวลากลางคืนโดยกระทำอันตรายสิ่งกีดกั้นทรัพย์หรือคุ้มครองทรัพย์นั้น โดยกระทำการด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้เห็นหน้าหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะ ตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 19/2559 ลงวันที่ 23 พ.ค.2559