เพชรบุรี - ที่ปรึกษา สบ 10 ลงพื้นที่เพชรบุรี ติดตามคดีคนร้ายเจาะตู้เซฟธนาคารกรุงเทพ สาขาชะอำ กวาดเงิน 11 ล้านหนีลอยนวล มั่นใจได้ตัวผู้ก่อเหตุแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลักลอบเข้าไปในธนาคารกรุงเทพ สาขาชายหาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี แล้วทำการตัดตู้เซฟขนเงินที่อยู่ภายในตู้เซฟไปประมาณ 11 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ข่าวเสนอไปนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (10 พ.ค.) พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สมชาย รักเสนาะ ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ได้ลงพื้นที่ติดตามคดีคนร้าย โดยเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้งช่องทางที่คนร้ายเข้าซึ่งเป็นประตูด้านข้างของตัวอาคาร และขึ้นไปบนดาดฟ้า และปีนข้ามไปยังตึกของธนาคาร และเปิดประตูเดินทางไปยังชั้น 1 และพังกำแพงซึ่งเป็นแผ่นยิปซัมไปยังตู้เซฟ และใช้แก๊สเป่าตัดตู้เซฟ ก่อนนำเงินสดในตู้เซฟรวม 11 ล้านบาทหลบหนีไป
จากนั้นได้เดินทางไปยัง สภ.ชะอำ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.ชะอำ ชุดตำรวจสืบจังหวัดเพชรบุรี และตำรวจชุดสืบสวนภาค 7 พร้อมทั้งดูเอกสาร ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา (สบ 10) เปิดเผยว่า วันนี้ลงมาดูที่เกิดเหตุ และติดตามความคืบหน้าของทั้ง 2 คดี ทั้งเหตุคนร้ายปีนธนาคารแล้วใช้แก๊สเป่าตู้เซฟขนเงิน 11 ล้านบาท ที่ อ.ชะอำ และเหตุงัดตู้ ATM ที่หนองพลับหัวหิน และจากการลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุที่ธนาคารกรุงเทพสาขาชายหาดชะอำ พบว่า มีโอกาสที่จะแกะรอยคนร้ายได้โดยมีร่องรอย และหลักฐานสำคัญที่มีทิศทางไปดำเนินการสอบสวนจับกุมตัวผู้ก่อเหตุให้ได้ทั้ง 2 คดี
ทั้งนี้ เชื่อในขีดความสามารถของตำรวจภูธรภาค 7 โดยการนำของท่านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ชุดสืบสวน และผู้การจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเชื่อว่าศักยภาพในครั้งนี้น่าจะสามารถได้ตัวผู้ก่อเหตุเร็วๆ นี้ ส่วนผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนละชุดกัน เพราะเวลาที่เกิดนั้นใกล้เคียงกัน เพียงแต่ว่าคนร้ายอาจจะเลียนแบบพฤติกรรมใกล้เคียงกัน
แต่สิ่งสำคัญในขณะนี้อยากสื่อไปถึงพี่น้องประชาชน หรือเจ้าของกิจกรรมที่เกี่ยวกับด้านธนาคาร หรือร้านค้าต่างๆ หรือสถาบันการเงิน โดยขณะนี้โจรผู้ร้ายได้พุ่งเป้าไปถึงกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ เพราะรู้ว่ามีเงินรออยู่จึงเป็นเรื่องที่จะต้องดูแลทรัพย์สินของท่านให้ดี
ทั้งนี้ ภาพรวมความคืบหน้าของคดีขณะนี้คืบหน้าไปแล้ว 70-80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งติดตามตัวอยู่ หากพบตัวก็จะสามารถควบคุมตัวได้ทันที และเชื่อว่าอีกไม่กี่วันน่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุ ทั้งนี้ ได้พยายามเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างที่พบในที่เกิดเหตุไปพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และหากมีความชัดเจนมากขึ้น ทางท่านรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 อาจจะขอความร่วมมือต่อสื่อมวลชนให้ช่วยประชาสัมพันธ์เพื่อให้พี่น้องประชาชนช่วยสังเกต หรือชี้เบาะแสของคนร้าย ซึ่งขณะนี้กำลังเก็บรายละเอียดของคดี ทั้งเรื่องยานพาหนะ ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน