สสจ.กาฬสินธุ์นำนักท่องเที่ยวบำบัดอาการป่วยบนแพกลางแม่น้ำชี

กาฬสินธุ์ - กลุ่มงานพัฒนายุทธศาสตร์สาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขกาฬสินธุ์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลเจ้าท่า อำเภอกมลาไสย ต่อยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือโฮมสเตย์ ฉีกแนวสร้างบรรยากาศใหม่นวด-สปาบนแพล่องแม่น้ำชี ชมวิถีชีวิตชาวบ้านสองฝั่งกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด ระยะทาง 4 กิโลเมตร

วันนี้ (23 พ.ค.) ที่บริเวณท่าแจ้ง ริมฝั่งแม่น้ำชี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายธนูสินธุ์ ไชยสิริ นายอำเภอกมลาไสย พร้อมด้วย ดร.ธงชัย ปัญญูรัตน์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รองหัวหน้ากลุ่มงานพัฒนายุทธศาสตร์สาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ และนายสนิท หรมาตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเจ้าท่า ได้นำนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกว่า 50 ชีวิตลงแพเพื่อทำการทดสอบและเป็นกรณีศึกษาในการรักษาสุขภาพรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในการต่อยอดโครงการหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือโฮมสเตย์

ดร.ธงชัย ปัญญูรัตน์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รองหัวหน้ากลุ่มงานพัฒนายุทธศาสตร์สาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ โดยนายแพทย์ พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ได้มอบหมายให้กลุ่มงานพัฒนายุทธศาสตร์สาธารณสุขฯ ร่วมกับฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำโครงการหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือโฮมสเตย์ เพื่อเป็นสถานที่บำบัดรักษาประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วยอันเนื่องจากได้รับสารเคมีตกค้างในร่างกาย

โดยการเข้าค่ายบำบัดร่วมกันระยะ 2-3 คืน กิจกรรมเข้าค่ายมีการอบรม ฟังธรรมะ ขับสารพิษออกจากร่างกายหรือการดีท็อกซ์ รับประสารอาหารปลอดสารพิษ และท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการในปี 2558 เปิดหมู่บ้านโฮมสเตย์นำร่องที่ ต.นาบอน อ.คำม่วง และ ต.โนนน้ำเกลี้ยง อ.สหัสขันธ์ ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายเข้ารับบำบัดหลายรุ่น สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.ธงชัยกล่าวอีกว่า เพื่อให้โครงการดังกล่าวเกิดความต่อเนื่องจึงได้มีการยกระดับหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อต่อยอดขยายผลไปยังตำบลต่างๆ โดยในปี 2559 มีเป้าหมาย 6 ตำบล อย่างไรก็ตาม อีกเครื่องมือหนึ่งที่นำมาใช้ในการเข้าค่ายคือสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งหมู่บ้านโฮมสเตย์แต่ละแห่งต้องมี

ทั้งนี้ เพื่อผ่อนคลายความเครียดให้ผู้เข้ารับการบำบัด ดังนั้น ในการเปิดหมู่บ้านโฮมสเตย์ที่ ต.เจ้าท่าในครั้งนี้เพื่อสร้างบรรยากาศใหม่ในการเข้าค่าย ได้นำคณะนักท่องเที่ยวและผู้เข้ารับการบำบัดได้ลงแพท่องเที่ยวไปตามลำน้ำชีจากท่าแจ้งถึงท่าแม่รำ ระยะทาง 4 กิโลเมตร ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ซึ่งในขณะเดินทางนั้นจะได้ชมทัศนียภาพ 2 ฝั่งชี คือ ฝั่งซ้ายเขต อ.กมลาไสย ฝั่งขวาเขต อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ชมวิถีชีวิตชาวบ้านปลูกผัก เก็บผัก ล่องเรือหาปลา

ขณะเดียวกันก็จะมีการบำบัดรักษา โดยการนวด สปา และชมหนังประโมทัยเพื่อความบันเทิงอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การล่องแพของนักท่องเที่ยวในการต่อยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครั้งนี้ถือเป็นกรณีศึกษาเพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงรูปแบบการเข้าค่ายและบำบัดบนแพกลางแม่น้ำชีให้มีความหลากหลาย ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการบำบัดต่อไป ซึ่งจะมีที่เดียวที่มีการเข้าค่ายบนแพกลางแม่น้ำที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเกิดความประทับใจ มีสุขภาพดีและปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ