นครพนม - นายอำเภอนาหว้า รุดตรวจสอบจักรยานยนต์ซุกในวัดดัง หลังกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 1 เข้าตรวจยึดได้กว่า 10 คัน พร้อมจะเร่งหาที่มารถ เผยพบได้มามิชอบพร้อมเอาผิดตามกฎหมายต่อพระครูเจ้าอาวาส
บ่ายวันนี้ (19 พ.ค.) นายปิยะ ปิจนำ นายอำเภอนาหว้า จ.นครพนม ได้ประสานงานร่วมกับชุดเฉพาะกิจทหารจาก มทบ.210 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.นาหว้า เข้าตรวจสอบอายัดจักรยานยนต์ของกลาง และเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายรายการ ภายหลังนายมนตรี จารุธำรงค์ ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.นครพนม ที่ 1 ประสานงานร่วมกับ พ.อ.ปราโมทย์ นาคจันทึก รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม ระดมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกองร้อย อส.จ.นครพนม ที่ 1 และกำลังทหารชุดเฉพาะกิจ มทบ.210 นครพนม นายวิสุทธิ์ ทองหนู อายุ 44 ปี กำนันตำบลบ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม เข้าตรวจสอบภายในวัดโพธิ์เครือ บ้านเสียว หมู่ 10 ต.บ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม วัดชื่อดังของอำเภอนาหว้า มีพระครูโพธิธรรมาภิรัต อายุ 72 ปี เป็นพระเจ้าอาวาส และมีตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอนาหว้า จ.นครพนม
ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการลักลอบซุกซ่อนจักรยานยนต์ที่มาจากขบวนการโจรกรรม ก่อนนำมาพักไว้ในวัด เพื่อปิดบังเจ้าหน้าที่ก่อนลักลอบส่งออกไปขายประเทศเพื่อนบ้าน และมีการร้องเรียนให้ฝ่ายปกครองและตำรวจในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ แต่เรื่องเงียบหาย เชื่อว่าเป็นวัดที่มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ไม่กล้าตรวจสอบ
โดยได้ทำการตรวจยึดจักรยานยนต์ทั้งหมด 13 คัน มีทั้งสภาพเก่า ดัดแปลงสภาพ และไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนเป็นส่วนใหญ่ มีเพียง 6 คันที่มีป้ายทะเบียน ซึ่งตรวจสอบไม่พบเอกสารหลักฐานในการครอบครอง ทราบว่าได้มาจารการรับจำนำ
นอกจากนี้ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ มือถืออีกหลายรายงานที่ยึดมาไว้ที่ สภ.นาหว้า เบื้องต้นจะได้ประสานไปยังชาวบ้าน หรือผู้รู้เบาะแสมาตรวจสอบติดต่อหาที่มา หากพบมีการกระทำผิดตามกฎหมายจะมีการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และขอความร่วมมือให้มีการพูดคุยกับทางพระครูเจ้าอาวาสให้เลิกรับจำนำอีก
นายปิยะ ปิจนำ นายอำเภอนาหว้า จ.นครพนม กล่าวว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบพบจักรยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในวัดโพธิ์เครือ บ้านเสียว หมู่ 10 ต.บ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม จึงได้มีการตรวจยึดจักรยานยนต์ทั้งหมดจำนวน 13 คัน รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายรายการมาตรวจสอบ
ทางพระครูเจ้าอาวาสได้ยืนยันว่าได้มาจากการรับฝากในลักษณะแบบการรับจำนำ จากญาติโยมที่มีปัญหาการเงิน เพราะสงสารชาวบ้าน ไม่มีเจตนาอย่างอื่น แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งไปแล้วว่าไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการ และจะต้องมีการขออนุญาตจากหน่วยงานเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจรับซื้อของเก่า ซึ่งจะได้ตรวจสอบในรายละเอียดว่ามีการเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ หากกระทำผิดจริงมีจักรยานยนต์ที่ได้มาโดยมิชอบ หรือเข้าข่ายรับซื้อของโจร จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน แต่จะต้องมีการตรวจพิสูจน์โดยละเอียด
นอกจากนี้จะได้หารือกับผู้นำชุมชนในการเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับพระครูไม่ให้ดำเนินการอีก เพราะไม่เหมาะสม และอาจเป็นช่องทางให้ขบวนการโจรกรรมจักรยานยนต์ หรือมิจฉาชีพเข้ามาเกี่ยวข้อง และเกิดปัญหาสังคมตามมา