นครพนม - เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ ร้อย อส.นครพนม สนธิกำลังทหาร ชุดเฉพาะกิจ มทบ.210 เข้าตรวจสอบวัดชื่อดัง รองเจ้าคณะอำเภอนาหว้า พบจักรยานยนต์รับจำนำเกือบ 20 คัน เครื่องใช้ไฟฟ้าเพียบ ยึดตรวจสอบเร่งหาที่มา หวั่นเชื่อมโยงขบวนการโจรกรรมจักรยานยนต์ข้ามชาติ เผยชาวบ้านเคยร้องฝ่ายปกครอง ตำรวจพื้นที่ แต่เรื่องเงียบ ด้านรองเจ้าคณะอำเภอ อ้างรับจำนำไว้เพราะสงสารชาวบ้านมีปัญหาการเงิน
เมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา นายมนตรี จารุธำรงค์ ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.นครพนม ที่ 1 ประสานงานร่วมกับ พ.อ.ปราโมทย์ นาคจันทึก รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม ระดมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกองร้อย อส.จ.นครพนม ที่ 1 และกำลังทหาร ชุดเฉพาะกิจ มทบ.210 นครพนม นายวิสุทธิ์ ทองหนู อายุ 44 ปี กำนันตำบลบ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม เข้าตรวจสอบภายในวัดโพธิ์เครือ บ้านเสียว หมู่ 10 ต.บ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม
ซึ่งเป็นวัดชื่อดังของอำเภอนาหว้า มี พระครูโพธิธรรมาภิรัต อายุ 72 ปี เป็นเจ้าอาวาส และมีตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอนาหว้า จ.นครพนม ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีการลักลอบซุกซ่อนจักรยานยนต์ที่มาจากขบวนการโจรรกรม ก่อนนำมาพักไว้ในวัดเพื่อปิดบังเจ้าหน้าที่ก่อนลักลอบส่งออกไปขายประเทศเพื่อนบ้าน และมีการร้องเรียนให้ฝ่ายปกครอง และตำรวจในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ แต่เรื่องกลับเงียบหาย เชื่อว่าเป็นวัดที่มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ไม่กล้าตรวจสอบ
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนบ่อยครั้ง จึงได้ระดมกำลังเข้าไปตรวจสอบ พบว่า มีการเก็บรักษาจักรยานยนต์ไม่ทราบที่มา ส่วนใหญ่เป็นจักรยานยนต์ดัดแปลง แต่งซิ่ง มีทั้งสภาพเก่า สภาพใหม่ หลายยี่ห้อ รวมจำนวน 13 คัน มีติดป้ายทะเบียนแค่ 6 คัน ที่เหลือไม่ติดป้ายทะเบียน และตรวจสอบไม่มีเอกสารหลักฐานการครอบครองมาแสดง โดยเก็บรักษาไว้ภายในโรงครัวของวัด
นอกจากนี้ ภายในศาลาที่ใช้เป็นพระอุโบสถ พบมีเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทโทรทัศน์ เครื่องเสียง โน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าจำนวนมากหลายรายการ
เจ้าหน้าที่จึงทำการยึดตรวจสอบหาที่มา เชื่อว่าจะเชื่อมโยงไปยังขบวนการโจรกรรม และเป็นแหล่งที่พักของแก๊งโจรกรรมต่างๆ ที่เข้ามามีเอี่ยวในการใช้วัดดังบังหน้า เนื่องจากวัดไม่เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ในการเก็บรักษาสิ่งของที่ได้มาจากการจำนำ หรือซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ใม่ใช่กิจของสงฆ์
ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะมีบุคคลบางกลุ่มอยู่เบื้องหลังที่อาจจะเชื่อมโยงไปสู่แก๊งโจรกรรมจักรยานยนต์ข้ามชาติ และยาเสพติด เนื่องจากพื้นที่ จ.นครพนม มีปัญหาเกี่ยวกับจักรยานยนต์ถูกโจรกรรมบ่อยครั้ง และมีการส่งออกไปขายประเทศเพื่อนบ้านที่อาจจะใช้วัดดังเป็นที่พักก่อนนำส่งออกไปขายประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีการเปิดรับจำนำจำนวนมาก
จากการสอบถาม พระครูโพธิธรรมาภิรัต เจ้าอาวาส และมีตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอนาหว้า จ.นครพนม เปิดเผยว่า จักรยานยนต์ทั้งหมด รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าได้มาจากการรับจำนำจากญาติโยม เนื่องจากมีความสงสารชาวบ้าน หรือบุคคลที่ไม่มีเงิน จึงเปิดรับจำนำเป็นการช่วยเหลือเพราะสงสาร โดยใช้เงินส่วนตัวมารับจำนำ ซึ่งในส่วนของจักรยานยนต์รับจำนำคันละ 1,000-3,000 บาท ตามสภาพ
ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า มีตั้งแต่ 100-1,000 บาท ตามสภาพ และดอกเบี้ยไม่กำหนดแน่นอนตามศรัทธาของญาติโยม ทำไปเพียงเพราะสงสารเท่านั้น โดยทำมาประมาณ 1-2 ปี ยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง หรือเจตนาเป็นอย่างอื่น แต่จักรยานยนต์ที่รับจำนำมาไม่มีเอกสารหลักฐาน และในการรับจำนำไม่ได้มีการจัดทำบัญชีแต่อย่างใด