xs
xsm
sm
md
lg

เหมืองทองอัคราฯ นำคน 3 จว.ตั้งเวทีหน้าศาลากลางพิจิตร วอน “บิ๊กตู่” เปิดเหมืองฯ ต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พิจิตร - “เหมืองทองอัครา” นำพนักงาน พร้อมชาวบ้าน 29 หมู่บ้าน 3 จังหวัดรอบเหมืองกว่า 4 พันคน รวมตัวตั้งเวทีหน้าศาลากลางเมืองชาละวัน เรียกร้อง “บิ๊กตู่” ทบทวนคำสั่งปิดเหมืองฯ วอนลงพื้นที่คุยกับคนที่คลุกคลีกับเหมืองที่แท้จริง แทนฟังแต่กลุ่มเสียผลประโยชน์ NGO นักวิชาการ

วันนี้ (19 พ.ค.) นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการฝ่ายประสานกิจการภายนอก บมจ. อัครา รีซอร์สเซส ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร พร้อมด้วยพนักงาน และผู้นำชุมชน รวมถึงชาวบ้านจาก 29 หมู่บ้านรอบเหมืองทอง ในเขตพิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ รวมแล้วกว่า 4 พันคน ได้มารวมตัวกันที่บริเวณศาลากลางจังหวัดพิจิตร

พร้อมทั้งตั้งเวทีปราศรัยเรียกร้องขอให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ออกคำสั่งปิดเหมืองทองว่า ขอให้รับฟังข้อมูลที่แท้จริงจากชาวบ้านตัวจริง และพนักงานที่คลุกคลีอยู่กับการทำเหมืองแร่ ว่าชีวิตความเป็นอยู่มีความสุขและมีสุขภาพแข็งแรง

จากนั้นยื่นหนังสือข้อเรียกร้องให้ลงพื้นที่มาฟังความจริงจากปากชาวบ้านมากกว่าฟังข้อมูลจาก NGO หรือนักวิชาการที่ไม่เป็นกลางบางคน ส่งถึง พลเอก ประยุทธ์ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร

นายยุทธ ศรีทองสุข ผู้นำกลุ่มพนักงาน และนายสุรชาติ หมุนสมัย อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 993 หมู่ 4 ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร แกนนำคนสำคัญของพนักงานได้ขึ้นเวที ระบุว่า ที่ผ่านมามีผู้เสียผลประโยชน์เพราะต้องการขายที่ดินให้เหมืองทองในราคาแพงลิบลิ่ว แต่เหมืองทองอัคราไม่ซื้อ จึงได้รวมตัวกันออกมากล่าวเท็จ

โดยคนกลุ่มนี้อ้างสารพัดเกี่ยวกับมลภาวะ ทั้งๆ ที่บ้านอยู่ห่างเหมืองทองมากกว่าที่ตั้งของชุมชน และบ้านของพนักงานบางคนเสียอีก รวมถึงนักวิชาการที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ 5 ฝ่าย แต่กลับทำตัวไม่เป็นกลาง และทำวิจัยแต่ด้านลบ ประกาศขึ้นเฟซบุ๊กส่วนตัวว่ามีเป้าประสงค์จะให้ปิดเหมืองทองมาตั้งแต่ต้น

ทั้งยังให้ข้อมูลอันเป็นเท็จว่า น้ำและพืชผักในพื้นที่ ต.เขาเจ็ดลูกมีสารพิษกินไม่ได้ จากนั้นก็สร้างภาพเอาของมาแจกเพื่อสร้างกลุ่มต่อต้านให้มีมากขึ้น เพราะชาวบ้านบางคนอยากได้ของแจก ทั้งๆ ที่ในชีวิตประจำวันทุกคนก็ดื่มน้ำ กินข้าว กินพืชผักที่อยู่รอบรั้วบ้าน แต่ก็มีชีวิต และสุขภาพแข็งแรง

ซึ่งตรงกันข้ามพวกที่ต่อต้านเหมืองทอง และ NGO ที่เป็นคนพลัดถิ่น กลับแสดงตนว่า เจ็บไข้ได้ป่วยสารพัดโรค รวมถึงในหมู่บ้านไม่ว่าจะมีใครตายด้วยเหตุใดก็ตาม ก็ยัดความผิดว่าตายเพราะสารพิษจากเหมืองทองอัครา

นอกจากนี้ แกนนำยังอภิปรายบนเวทีอีกว่า หากปิดเหมืองทอง เม็ดเงินค่าจ้างแรงงาน และการซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการดำเนินการขุดหาแร่ทองคำเดือนละ 250-300 ล้านบาท หรือปีละ 3,000 ล้านบาท ก็จะหายไปจาก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร รวมถึงการปิดเหมืองทองก็จะทำให้เกิดคนตกงานมากกว่า 2 พันคน

ซึ่งรัฐบาลบอกว่าเตรียมตำแหน่งงานว่างไว้รอแล้วแต่เป็นตำแหน่งสาวโรงงานเย็บผ้าที่บริษัทนันยาง การ์เม้นท์ อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร และงานบริการตามร้านอาหารหรือร้านกาแฟสด แต่ล้วนเป็นงานที่พวกกลุ่มพนักงานเหมืองทองอัคราไม่สามารถทำได้ เพราะส่วนใหญ่ที่ทำอยู่คือ ขับรถสิบล้อ เป็นคนงานสำรวจ เป็นช่าง เป็นฝ่ายระเบิด และห้องแล็บเคมี

แกนนำบนเวทียังยืนยันด้วยว่า การปิดเหมืองทองอัคราคือเด็ดชีวิตคนงานและครอบครัวรวมแล้วกว่า 5,000 คน ต้องลำบากและจบชีวิตลงพร้อมกับเศรษฐกิจของจังหวัดพิจิตรที่ตกต่ำตามกันไปด้วย เพราะที่ผ่านมาเหมืองทองอัคราคือผู้จ่ายภาษีรายใหญ่ให้กับสรรพากร และแบ่งเงินค่าภาคหลวงปีละหลายร้อยล้านบาทให้กับ อบจ., อบต. ทั้งในเขต จ.พิจิตร และ จ.เพชรบูรณ์ อีกด้วย

ซึ่งหลังจากใช้เวลาปราศรัยประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ได้ส่งตัวแทนมอบหนังสือให้ นายพิษณุ เสนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เพื่อส่งถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ได้พิจารณาต่อไป










กำลังโหลดความคิดเห็น