ศูนย์ข่าวศรีราชา - เปิดโครงการผันน้ำดิบแก้ปัญหาภัยแล้งพัทยาอย่างเป็นทางการ ด้านผู้จัดการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา เผยโครงการผันน้ำดิบใช้เพียงพอในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า
ปัจจุบัน จากการเติบโตของสังคมเมือง และเศรษฐกิจ ทำให้พัทยา มีอัตราการอุปโภคบริโภคน้ำประปาสูงในปริมาณเฉลี่ยกว่าวันละ 2 แสนลูกบาศก์เมตร หรือประมาณปีละกว่า 70 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยใช้น้ำดิบในการผลิตจาก 2 แหล่งหลัก ได้แก่ อ่างเก็บน้ำจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ มาบประชัน หนองกลางดง ห้วยสะพาน ห้วยขุนจิต และชากนอก และการจัดซื้อน้ำจากบริษัทบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก หรืออีสท์วอเตอร์ ซึ่งมองดูแล้วจะเห็นว่าเพียงพอต่อความต้องการ
อย่างไรตาม จากข้อเท็จจริงนั้นพบว่า ที่ผ่านมาเมืองพัทยา ยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนอยู่ในบางช่วงปี เนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศที่มีความผันแปรไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะผลกระทบจาก “เอลนีโญ” ที่ส่งผลให้แหล่งน้ำหลักในอ่างกักเก็บน้ำส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำดิบลดลงอย่างรวดเร็ว และไม่มีปริมาณเพียงต่อการใช้ ทำให้หลายครั้งต้องมีการปรับลดกำลังผลิตลง และต้องกำหนดแผนเพื่อจัดหาแหล่งน้ำใหม่ๆ มาเสริม ซึ่งภาครัฐเองก็ให้ความสนใจ และดำเนินโครงการแก้ไขเกิดขึ้นมากมาย
เช่น การต่อเชื่อมระบบท่อส่งน้ำเพื่อผันน้ำจากลุ่มน้ำบางปะกง อ่างเก็บน้ำคลองหลวง คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต หรือการต่อเชื่อมระบบท่อเชื่อมโยงในพื้นที่จังหวัดชลบุรี สู่เมืองพัทยา เป็นต้น แต่พบว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ก็มีปัญหาเช่นกัน จะมีเพียงการผันน้ำจากฝั่งระยอง และจันทบุรี ซึ่งดำเนินการโดย อีสท์วอเตอร์ ที่ยังคงมีเสถียรภาพ ด้วยพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดนี้มีปริมาณน้ำสะสมเป็นจำนวนมาก
จากปัจจัยดังกล่าว การประปาส่วนภูมิภาค จึงทำ MOU ร่วมกับกรมชลประทาน เพื่อจัดทำโครง การวางท่อเพื่อผันน้ำเพิ่มเติมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ เชื่อมต่อมายังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง ก่อนผันกลับมายังเมืองพัทยา ในปริมาณ 1 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน หรือกว่า 40 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ซึ่งเมื่อรวมกับแหล่งน้ำที่มีอยู่จะทำให้สถานการณ์น้ำดิบในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพียงพอต่อความต้องการในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบัน โครงการดังกล่าวได้เริ่มเปิดดำเนินการระบบอย่างเป็นทางการไปแล้ว
นายสุทัศน์ นุชปาน ผู้จัดการสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค สาขาพัทยา เปิดเผยว่า จากปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงต้องมีการหาแนวทางในการรับมือต่อปัญหาในอนาคต โดยได้ทำ MOU ร่วมกับกรมชลประทาน ในการขอจัดสรรน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ ซึ่งเป็นอ่างขนาดใหญ่ที่มีความจุกว่า 295 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณเต็มตลอดปี ผันน้ำ จำนวน 80 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นน้ำที่ไหลล้นจากอ่างลงสู่คลองจันทบุรี ที่จัดสรรให้การประปาส่วนภูมิภาค 40 ล้านลูกบาศก์เมตร และอีสท์วอเตอร์ อีก 40 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อผันด้วยระบบท่อส่งมาลงเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง
โดยในส่วนนี้ การประปาส่วนภูมิภาค ได้ว่าจ้างผู้รับเหมาในงบประมาณกว่า 900 ล้านบาท เพื่อเข้ามาจัดทำระบบส่งน้ำผ่านเครื่องสูบขนาดใหญ่ พร้อมระบบท่อขนาด 900 มิลลิเมตร จำนวน 2 ท่อ สูบน้ำดิบส่งต่อมายังบ่อพักมาบยางพร จ.ระยอง และส่งกลับมายังโรงผลิตน้ำหนองกลางดง เพื่อผลิตน้ำประปาแจกจ่ายในพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่งจะได้น้ำเพิ่มวันละ 1 แสนลูกบาศก์เมตร ซึ่งปัจจุบัน ได้จัดทำระบบชั่วคราว และสามารถสูบส่งน้ำได้วันละ 5 หมื่นลูกบาศก์เมตร ก่อนที่โครงการจะพร้อมสมบูรณ์ และสูบส่งได้เต็มจำนวนในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้
สำหรับแผนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะสามารถสร้างความเสถียรภาพเรื่องของปริมาณน้ำดิบที่เพียงพอ และมั่นคงให้แก่เมืองพัทยา ไปอีก 5-10 ปีข้างหน้า โดยจะใช้น้ำที่ผันมานี้จะเป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตน้ำประปาเพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชน ขณะที่น้ำจากแหล่งกักเก็บเดิมที่ปัจจุบันเหลือความจุอยู่รวม 50 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 50% จากปริมาตรความจุเต็มนั้น ก็จะสงวนไว้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน และสถานการณ์คับขันต่อไป