เชียงใหม่ - สังคมโลกออนไลน์เชียงใหม่เริ่มจุดพลุเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนผลประชุมแบ่งพื้นที่ “ลานข่วงประตูท่าแพ” ให้ตั้งแผงขายสินค้าซ้ำรอยเดิมอีกรอบ หลังเคยร่วมทวงคืนเป็น “สมบัติหน้าหมู่” ของคนเชียงใหม่สำเร็จมาแล้ว แต่กลับส่อคืนสถานะ “แลนด์มาร์กท่องเที่ยวเชียงใหม่” ได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
วันนี้ (16 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนอีกรอบสำหรับ “ลานข่วงประตูท่าแพ” อีกหนึ่งแลนด์มาร์ก สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติมายาวนาน ก่อนจะถูกนำไปจัดสรรเป็นพื้นที่ขายของ จนเครือข่ายสังคมออนไลน์ออกมาทวงคืนเป็น “สมบัติหน้าหมู่ของคนเชียงใหม่” เมื่อปลายปี 58 ที่ผ่านมา
อ่านประกอบ “คนเชียงใหม่แห่ทวงคืน “ข่วงท่าแพ” วิจารณ์ตรึมโดนยึดให้เช่าขายของทั้งปีทั้งชาติ - http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000116527 , สุดยอด คนเชียงใหม่ทวงคืน “ข่วงท่าแพ-ธรณีสงฆ์บันไดวัดดอยสุเทพ” สำเร็จ - http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000001117”
แต่เมื่อ 13 พ.ค. 59 ที่ผ่านมา นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.โกศล ประทุมชาติ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 และ พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนเทศบาลนครเชียงใหม่, สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่, สำนักงานธนารักษ์พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, สำนักงานสรรพากรจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มงานจราจรตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมร่วมกันเรื่องจัดระเบียบการจำหน่ายสินค้า และคัดเลือกผู้จำหน่ายสินค้า ประตูท่าแพ และไนท์บาซาร์
เบื้องต้นในส่วนของประตูท่าแพ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้นำผังการขายสินค้ามาชี้แจงในที่ประชุม โดยที่ประชุมในครั้งที่ผ่านมา (30 เม.ย.) อนุญาตให้จัดเป็นพื้นที่ขายสินค้า และจัดเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมได้ ซึ่งการจัดผังจำหน่ายสินค้าจะต้องไม่บดบังทัศนียภาพของโบราณสถาน
โดยจะทำการคัดเลือกผู้จำหน่ายสินค้า และจัดสรรพื้นที่ขายสินค้าเพื่อกำหนดวันเปิดพื้นที่ต่อไป ส่วนไนท์บาซาร์ เป็นการประชุมเพื่อหารือการเตรียมทำผังการขายสินค้าใหม่ และคัดเลือกผู้จำหน่ายสินค้า โดยจะต้องเป็นผู้ค้าตัวจริงไม่มีการสวมสิทธิ์ในการจำหน่าย
ตามแผนที่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้จัดทำกำหนดจะจัดสรรพื้นที่ 40% ให้เป็นที่สาธารณะ และ 60% จะอนุญาตให้ทำการค้าขายได้ จำนวน 264 ล็อก (จากเดิม 800 ล็อก) และต้องเป็นในลักษณะตลาดย้อนยุคที่มีรูปแบบสวยงาม เป็นระเบียบ บ่งบอกแสดงเอกลักษณ์ของความเป็นเมืองเชียงใหม่-ล้านนา โดยที่จะให้ใช้พื้นที่ค้าขายได้ ระหว่างเวลา 18.00-23.00 น. เฉพาะวันอาทิตย์เพียงวันเดียวเท่านั้น
พร้อมกับยืนยันว่า การจัดสรรพื้นที่จะไม่ให้มีการบดบังตัวประตูท่าแพที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองอย่างแน่นอน เพราะจะมีการเว้นพื้นที่ตรงกลางไว้เปิดโล่งสำหรับกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ และให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนหย่อนใจ
อย่างไรก็ตาม หลังผลการประชุมดังกล่าวถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ ทำให้เกิดกระแสต่อต้านการนำพื้นที่ “ลานข่วงประตูท่าแพ” จัดสรรให้เป็นพื้นที่ขายของคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง โดยล่าสุดเริ่มมีการแชร์ภาพ-ข้อความ ผ่านโลกออนไลน์ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Raks Mae Ping รวมถึงเฟซบุ๊กส่วนตัวของนักธุรกิจ-คนเชียงใหม่อีกจำนวนมาก
โดยเรียกร้องให้ทบทวนผลการประชุม 13 พ.ค.ดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าอาจจะมีการสมประโยชน์ทางธุรกิจและการเมืองท้องถิ่น มากกว่าผลประโยชน์ที่ควรจะเป็นของเมืองเชียงใหม่อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีการนำภาพข้อความจากกลุ่มไลน์ “ชมรมรักลาน...ท่าแพ” ที่มีการระบุชื่อทั้งเฮีย-เจ๊ เขียนข้อความขอบคุณผู้เข้าร่วมประชุมดังกล่าวด้วย ทำให้มีการแชร์ต่อ และแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง
โดยบางคนระบุว่า “หน่วยงานหลวง ท่านผู้นำทั้งหลาย อย่าได้เห็นแก่ประโยชน์เล็กๆน้อยๆ เลยเจ้า โครงการนำร่องที่ดี ตรงนี้ ควรจะดึงดูด สวยงาม สะอาด ไม่แออัด ชาวเชียงใหม่จะชื่นชมท่านๆ นักท่องเที่ยวจะชื่นชม อยากกลับมาอีก บ่ควรมีการขายของ ขายสินค้ากลับมาเลยเจ้า อีกอย่างตลอดทางถนนคนเดิน วันอาทิตย์เจียงใหม่ ในวัดเอย หลายๆ มุม ก็มีขายสินค้า ขายอาหาร มากมายเพียงพอ เกินพอ อยู่แล้ว เห้อ..เหนื่อย..”
“สรุปจะเปิดเป็นตลาดให้ได้ใช่ไหมคะ กว่าจะกวาดล้างให้สะอาดได้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ จะเอามาสุมกองไว้อีกแล้ว”
“เว้นไว้หื้อดูดีๆ โล่งๆ สักแห่งเน่อเจ้า เฮียๆ เจ๊ๆ ทั้งหลาย ไปหากินแถวอื่นเนาะเจ้า ลานท่าแพเอาไว้หื้อ คนเจียงใหม่และแขกบ้านมาเดินแอ่วเจ้า เอาตะกร้อมาเต๊ะเล่น ยังจะดีกว่าก่าหา”
“พื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมศิลป์ฯ แม่นก่อ ถ้าแม่น เปิ้นอนุญาตละกา..ใบมีไหน พื้นที่ดูแลของ เทศบาลก็ เปิ้นอนุญาตละกา ใบมีไหน...พื้นที่ของจังหวัดเจียงใหม่..ป้อเมือง อนุญาตละกา..ใบมีไหน.....ถ้ามี ศาลปกครอง กะศูนย์ดำรงธรรมถ้าจะมีจาวบ้านไปเยี่ยมหา...ว่าจะใดปี้น้องเจียงใหม่เฮา”
“พื้นที่ข่วงประตูท่าแพก็มีแค่นั้น เป๋นหน้าเป๋นต๋าของเมืองเจียงใหม่ เอาไว้จัดเทศก๋านตี้สำคัญๆ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจะดีกว่า บุคคลตี้อ้างอิงเพื่อที่จะเอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตั๋วเองก่น่าจะละอายใจ๋ผ้อง ยุติความเห็นแก่ตั๋วได้ละเจ้าเห็นแก่ส่วนรวมผ้องเต๊อะ วัฒนธรรมของเมืองลานนาเฮาควรคงใว้หื้อลูกๆ หลานๆ ได้ผ่อ ละอ่อนเขาจะได้บ่ด่าโตยก้น”
ขณะที่บางคนก็ระบุทำนองตั้งคำถามว่า “5555 เมืองมรดกโลก ชูอัตลักษณ์ แต่งกายย้อนยุค มุ่งเน้นขายของ พื้นที่จับจอง เงินทองตกถึงใคร ..... อ๋อถึงมือ "คนเขียนป้าย" นี่เอง อีโมติคอน smileไปแบ่งกะใครหละ...!!??”