ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่เดินหน้าจัดระเบียบการใช้ประโยชน์พื้นที่ลานประตูท่าแพ เบื้องต้น แบ่งพื้นที่ 60% ให้จัดสรรทำการค้าขายได้เฉพาะวันอาทิตย์วันเดียว เน้นรูปแบบย้อนยุคสวยงาม ชูเอกลักษณ์เชียงใหม่ ส่วนพื้นที่ 40% ที่เหลือเปิดโล่งลานตรงกลางโชว์ตัวประตูท่าแพ สำหรับกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ และให้ผู้คนพักผ่อนหย่อนใจ ชูนำร่องเป็นต้นแบบจัดระเบียบไนท์บาซาร์ ถนนคนเดิน และพื้นที่ค้าขายทั่วเมือง
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่ห้องประชุมมณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.โกศล ประทุมชาติ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 และ พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนเทศบาลนครเชียงใหม่ สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานสรรพากรจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มงานจราจรตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องจัดระเบียบการจำหน่ายสินค้า และคัดเลือกผู้จำหน่ายสินค้า ซึ่งสืบเนื่องมาจากการประชุมร่วมเพื่อหารือแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่โบราณสถานของจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับประเด็นการใช้ประโยชน์สำหรับการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ศาสนา ประเพณี และกิจกรรมในเชิงสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม ต่อชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.59 ที่ผ่านมา
โดยในการประชุมครั้งนี้ เบื้องต้น มีการพิจารณาหารือเกี่ยวพื้นที่ 2 แห่ง ได้แก่ ประตูท่าแพ และไนท์บาซาร์ ซึ่งในส่วนของประตูท่าแพ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้นำผังการขายสินค้ามาชี้แจงในที่ประชุม โดยที่ประชุมในครั้งที่ผ่านมาอนุญาตให้จัดเป็นพื้นที่ขายสินค้า และจัดเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมได้ ซึ่งการจัดผังจำหน่ายสินค้าจะต้องไม่บดบังทัศนียภาพของโบราณสถาน โดยจะทำการคัดเลือกผู้จำหน่ายสินค้า และจัดสรรพื้นที่ขายสินค้าเพื่อกำหนดวันเปิดพื้นที่ต่อไป ส่วนไนท์บาซาร์ เป็นการประชุมเพื่อหารือการเตรียมทำผังการขายสินค้าใหม่ และคัดเลือกผู้จำหน่ายสินค้า โดยจะต้องเป็นผู้ค้าตัวจริงไม่มีการสวมสิทธิในการจำหน่าย
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นมุ่งไปที่จัดระเบียบการใช้พื้นที่ลานประตูท่าแพก่อน ซึ่งตามแผนที่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้จัดทำกำหนดจะจัดสรรพื้นที่ 40% ให้เป็นที่สาธารณะ และ 60% จะอนุญาตให้ทำการค้าขายได้ อย่างไรก็ตาม กำหนดว่าจะต้องเป็นการค้าขายในลักษณะของตลาดย้อนยุคที่มีรูปแบบสวยงาม เป็นระเบียบ บ่งบอกแสดงเอกลักษณ์ของความเป็นเมืองเชียงใหม่ และล้านนา โดยที่จะมีการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ค้าขายได้เฉพาะวันอาทิตย์เพียงวันเดียวเท่านั้น ระหว่างเวลา 18.00-23.00 น. แต่จะให้เริ่มตั้งร้านได้ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ซึ่งยืนยันว่า การจัดสรรพื้นที่จะไม่ให้มีการบดบังตัวประตูท่าแพที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองอย่างแน่นอน เพราะจะมีการเว้นพื้นที่ตรงกลางไว้เปิดโล่งสำหรับกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ และให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนหย่อนใจ
สำหรับการจัดระเบียบ และจัดสรรพื้นที่ลานประตูท่าแพดังกล่าวนี้ เบื้องต้น ตามแผนจะสามารถจัดสรรพื้นที่ให้ผู้ค้าได้ จำนวน 264 ราย จากแต่ก่อนที่มีทั้งสิ้นประมาณ 800 ราย ซึ่งการจัดระเบียบครั้งนี้จะมีการนำข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้ด้วย เพื่อให้เกิดมาตรฐาน มีความเป็นระเบียบ และไม่ให้เกิดการแสวงหาประโยชน์จากเช่าช่วงต่อ หากพบมีการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที ส่วนการคัดเลือกผู้ค้าที่จะได้รับการจัดสรรพื้นที่นั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการที่มีธนารักษ์พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกจากผู้ค้าที่มีอยู่เดิมทั้งหมด ซึ่งจะมีการจัดประชุมผู้ค้า และชี้แจงกฎระเบียบในวันที่ 18 พ.ค.59 พร้อมให้ยื่นแสดงความจำนงขอรับการจัดสรรพื้นที่ค้าได้ ทั้งนี้ การจัดระเบียบพื้นที่ลานประตูท่าแพในครั้งนี้ จะนำร่องเป็นต้นแบบเพื่อดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่จำหน่ายสินค้าในจุดอื่นๆ ของเมืองเชียงใหม่ต่อไป
ขณะที่ในส่วนของการจัดระเบียบพื้นที่ไนท์บาซาร์นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า เนื่องจากเวลานี้ไนท์บาซาร์ยังมีสัญญาเช่าพื้นที่อยู่ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 มิ.ย.59 เบื้องต้น จึงต้องรอการจัดระเบียบต่อไป โดยที่จะใช้กรณีของประตูท่าแพเป็นต้นแบบแนวทาง อย่างไรก็ตาม ในกรณีของไนท์บาซาร์มีความแตกต่างจากกรณีประตูท่าแพอยู่บ้าง เพราะมีส่วนทั้งที่เป็นพื้นที่ของเอกชน และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย กำหนดให้ต้องมีการตั้งกรรมการที่มาจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องขึ้นมาเพื่อพิจารณาผ่อนผันพื้นที่ค้าขาย และจัดระเบียบ ที่จะต้องมีการดำเนินการต่อไปเพื่อกำหนดแนวทางร่วมกัน