บุรีรัมย์ - ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเปิดสถานีไฟฟ้าบุรีรัมย์ 1 จังหวัดบุรีรัมย์ มุ่งลดปัญหาไฟตกไฟดับ เพิ่มความมั่นคงการจ่ายกระแสไฟฟ้า ทั้งยังรองรับการขยายตัวภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม กีฬา และด้านการท่องเที่ยว
วันนี้ (11 พ.ค. 59) นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA เป็นประธานพิธีเปิดสถานีไฟฟ้าบุรีรัมย์ 1 ถนนบุรีรัมย์-พุทไธสง บ.หนองม่วง ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยมีนายวิทยา จันทร์ฉลอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, นายกิตติ จริยมานะ ผู้อำนวยการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จังหวัดนครราชสีมา คณะผู้บริหารและพนักงาน หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ร่วมในกิจกรรม
สำหรับสถานีไฟฟ้าบุรีรัมย์ 1 ดำเนินการก่อสร้างตามโครงการเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าระยะที่ 3 (คชฝ.) เป็นสถานีไฟฟ้าแบบ Indoor Type ระบบ 22 เควี รับกระแสไฟฟ้าระบบแรงดัน 22 เควี จากสถานีไฟฟ้าแรงสูงบุรีรัมย์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยมีค่าก่อสร้างประมาณ 77 ล้านบาท ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาด 50 เมกะโวลต์แอมป์ จำนวน 2 เครื่อง เพื่อลดระดับแรงดันไฟฟ้าเป็นระบบ 22 กิโลโวลต์ แล้วแบ่งการจ่ายไฟฟ้าออกเป็น 11 วงจร
สถานีไฟฟ้าบุรีรัมย์เป็นสถานีไฟฟ้าที่ทันสมัย ควบคุมและสั่งการอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าด้วยระบบคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังควบคุมและสั่งการระยะไกลจากศูนย์ควบคุมการจ่ายไฟฟ้า เขต 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา หรือที่เรียกว่าระบบ SCADA โดยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 59 เมกะวัตต์
นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า การก่อสร้างสถานีไฟฟ้าบุรีรัมย์ 1 เป็นการพัฒนาระบบไฟฟ้าและเพิ่มสถานีจ่ายกระแสไฟฟ้าให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ มีความมั่นคงเชื่อถือได้ รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาไฟตก ไฟดับ ไฟกะพริบ รองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียง
เนื่องจากภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการแข่งขันด้านกีฬาในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์มีแนวโน้มใช้กระแสไฟฟ้าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อรองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน
อีกทั้งเพื่อให้เกิดการสร้างงานมีรายได้เพิ่มขึ้น เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ ประชาชนสามารถช่วยเหลือตนเอง ทำให้เกิดการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่งด้วย