มทบ.33 ประชุม ธ.ก.ส.ทั่วเชียงใหม่ช่วยรณรงค์ดึงคนลงประชามติร่าง รธน.-ยอมรับมีบางกลุ่มเคลื่อนค้านแต่ย้ำต้องอยู่ในกรอบ กม.

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - มทบ.33 เชิญผู้จัดการ ธ.ก.ส.ทั่วจังหวัดเชียงใหม่ประชุมประสานความร่วมมือรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวร่างรัฐธรรมนูญ และออกไปใช้สิทธิในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. 59 ยอมรับมีกลุ่มคนบางกลุ่มในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วยกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ และพูดคุยแล้วให้แสดงความคิดเห็นได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย

วันนี้ (11 พ.ค. 59) ที่สโมสรกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ พลตรี โกศล ประทุมชาติ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เป็นประธานเปิดการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกันระหว่างหน่วยทหารกับผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระดับจังหวัด และระดับอำเภอ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง รวมทั้งการร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่เป็นกลุ่มเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ และออกไปใช้สิทธิในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. 59

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เปิดเผยว่า การประชุมในครั้งนี้เพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 33 ให้ผู้ปฏิบัติงานและ ธ.ก.ส.ได้รับทราบ ตลอดจนประสานแผนการปฏิบัติงานร่วมกันและรับทราบปัญหาที่เกษตรกรได้รับจากสถานการณ์ภัยแล้ง

นอกจากนี้ เพื่อประสานงานร่วมกับ ธ.ก.ส. ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมเข้าถึงใกล้ชิดประชาชนทั่วทุกพื้นที่ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ และออกมาใช้สิทธิในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. 59 ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยยืนยันว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนจะต้องไม่มีการชี้นำใดๆ อย่างเด็ดขาด เบื้องต้นในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ตั้งเป้ามีผู้ออกมาใช้สิทธิประมาณ 80%

สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับการออกเสียงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้นั้น พลตรี โกศลยอมรับว่ามีความเป็นห่วงบ้างจากการที่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้วว่าทุกกลุ่มสามารถแสดงความคิดเห็นได้

แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย โดยหากมีการเคลื่อนไหวเกินขอบเขตของกฎหมายก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกกลุ่มเป็นอย่างดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย