ศูนย์ข่าวศรีราชา - นอภ.ศรีราชา สนธิกำลังแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดกว่า 200 ตัว แมวกว่า 300 ตัว ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยหาบ้านหลังใหม่ให้ไปอยู่บางส่วนหลังผู้ดูแลดูแลไม่ทั่วถึง สร้างผลกระทบ และความเดือดร้อนต่อเพื่อนบ้าน
นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอศรีราชา ปศุสัตว์อำเภอศรีราชา เจ้าหน้าที่คณธรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อมาดูแลการเลี้ยงสุนัขจรจัดของ น.ส.สุณีย์ สุขขาว บ้านเลขที่ 180/1 หมู่ 4 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา ในเนื้อที่ประมาณ 3-4 ไร่ โดยมีสุนัขจรจัดที่อยู่ในความดูแล จำนวน 208 ตัว และแมวจรจัดอีกกว่า 300 ตัว
จากการตรวจตรวจสอบของเจ้าหน้าที่หลายๆ ฝ่าย พบว่า การดูแลของสุนัข และแมวจรจัดดังกล่าวไม่ถูกสุขลักษณะ ด้านสวัสดิภาพ และสุขภาพของสัตว์นั้นค่อนข้างจะมีปัญหาในเรื่องของเชื้อโรค ดังนั้น จึงได้แนะนำผู้เลี้ยงให้มีการพัฒนาปรับปรุงการเลี้ยงสุนัข และแมวจรจัดให้ถูกสุขลักษณะตามหลักของปศุสัตว์ และสาธารณสุข
นอกจากนั้น ให้ลดจำนวนสุนัขที่มีจำนวนมากเกินขีดความสามารถของผู้ดูแล จึงขอให้ย้ายสุนัข จำนวน 50 ตัว ไปยังศูนย์ดูแลสุนัขจรจัดที่อำเภอสัตหีบ ที่มีมาตรฐานการดูแลสุนัขจรจัดที่ถูกสุขลักษณะเพื่อจะลดภาระการดูแลของ น.ส สุณีย์ ที่สำคัญลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งจะทำให้การดูแลสุนัข และแมวจรจัดได้ทั่วถึงมากขึ้น
นายวรญาณ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ยังได้วางมาตรการ 9 ข้อให้แก่ผู้ดูแล ประกอบด้วย 1.ต้องมีเตาเผาซากสุนัข และแมวที่เสียชีวิตแบบไร้ควัน 2.ต้องมีสถานที่กำจัดมูลสัตว์ 3 บ่อที่ได้มาตรฐาน 3.ต้องล้อมสังกะสีบริเวณโดยรอบเพื่อไม่ให้สุนัขส่งเสียงดัง 4.ทำสถิติจำนวนสุนัข และแมวให้ชัดเจน 5.แยกสุนัข และแมวที่ป่วยออกจากกันอย่างชัดเจน 6.แยกสุนัขตัวผู้ ตัวเมีย ให้ออกจากกัน 7. มีห้องปฐมพยาบาลอย่างมีสัดส่วน 8.ต้องเพิ่มผู้ดูแลจาก 2 คน เป็น 4 คน และ 9.ต้องทำห้องเก็บวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และอาหาร ซึ่งมาตรการดังกล่าวบางเรื่องจะใช้เวลาไม่กี่วัน และบางเรื่องต้องใช้เวลานาน 1-2 เดือน โดยหากดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้จะลดภาระ และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะบ้านเรือนข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบก็จะลดน้อยลง หรือหมดไปในอนาคต
ด้าน น.ส.สุณีย์ สุขขาว ผู้ดูแลสุนัข และแมวจรจัดกล่าวว่า ที่ผ่านมา มีปัญหากับเพื่อนบ้านหลังดังกล่าว โดยมีการร้องเรียนถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่า สุนัขส่งเสียงดัง มีกลิ่นเหม็นไปรบกวน ซึ่งทางตนก็ได้พยายามปรับปรุงแก้ไขมาโดยตลอด โดยมีมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์เข้ามาดูแล เช่น ล้อมรั้วโดยรอบพื้นที่เพื่อไม่ให้สุนัขที่ดูแลออกไปรบกวนเพื่อนบ้าน ดูแลทำความสะอาดสถานที่เลี้ยงทุกๆ วัน มีหลุมฝังกลบปฏิกูลสัตว์ และไม่เพิ่มจำนวนสุนัข และแมว
โดยในวันนี้ เพื่อให้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นลดน้อยลง หรือหมดไป จึงปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยได้คัดสุนัขจรจัดที่แข็งแรง จำนวน 50 ตัว ไปยังบ้านหลังใหม่ที่มีการดูแลอย่างถูกสุขลักษณะ นอกจากนั้น จะปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่วางไว้ด้วย เพื่อสร้างความสบายใจแก่ทุกๆ ฝ่าย
นายยิ่งยศ เสือสมบูรณ์ ผู้ได้รับความเดือดร้อนกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมากว่า 1 ปีแล้ว แต่ปัญหาก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ดูแลสุนัข และแมวจรจัด ที่สำคัญมีผู้สูงอายุที่ร่างกายไม่แข็งแรง จึงสร้างปัญหา และผลกระทบดังกล่าวจากกลิ่น และเสียงของสุนัขมาโดยตลอด และที่ผ่านมา ก็พยายามประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ และแก้ไข แต่ปัญหาก็ยังไม่ยุติ
แต่เมื่อวันนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายลงมาช่วยกันแก้ไขปัญหาทำให้ผู้ดูแลสุนัขยอมปฏิบัติตาม ปัญหาต่างๆ คงลดน้อยลง สร้างความพอใจให้แก่ชาวบ้านที่มีพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เข้ามาช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี