xs
xsm
sm
md
lg

แขวงทางหลวงอยุธยานำเครื่องจักรกลหนักลุยรื้อถอนร้านขายโรตีสายไหม เครื่องจักสานรุกล้ำเขตทางหลวงริมสายเอเชีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พระนครศรีอยุธยา - เจ้าหน้าที่จากแขวงทางหลวงพระนครศรีอยุธยา นำเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ลุยรื้อถอนร้านโรตีสายไหม และเครื่องจักสานที่รุกล้ำเขตทางหลวงริมถนนสายเอเชีย คาดใช้เวลา 2 วันจะแล้วเสร็จ แต่ยังเหลือร้านค้าขนาดใหญ่อีกกว่า 70 ร้าน ที่อยู่ในระหว่างขอผ่อนผันจนถึงสิ้น พ.ค.นี้ ผอ.แขวงทางหลวงอยุธยา เผยเน้นรื้อร้านที่อยู่ในจุดเสี่ยง และได้ทำการเจรจากับพ่อค้าแม่ค้าแล้ว



วันนี้ (20 เม.ย.) นายไพจิตร โพธิ์จันทร์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงพระนครศรีอยุธยา พร้อมเจ้าหน้าที่จากแขวงทางหลวงพระนครศรีอยุธยา ได้นำเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ลงพื้นที่ทำการรื้อถอนร้านค้าขายโรตีสายไหม และเครื่องจักสานที่รุกล้ำเขตทางหลวงที่เจ้าของร้านนำดิน และปูนมาถมเพื่อก่อสร้างร้านค้าชั่วคราวที่ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย ช่วงตั้งแต่หน้าห้างเทสโก้ โลตัส มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อป้องกันการย้อนกลับมาก่อสร้างร้านใหม่อีก โดยทำการรื้อถอนเฉพาะร้านที่อยู่ในจุดเสี่ยงเท่านั้น

นายไพจิตร โพธิ์จันทร์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงพระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ภายหลังคณะอนุกรรมการจัดการจราจรทางบกจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันพิจารณา และมีมติให้ดำเนินการต่อร้านค้าทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่กว่า 100 ร้านค้า ที่ตั้งอยู่บนถนนทางหลวง และอยู่ในจุดเสี่ยงชิดติดเส้นขอบถนน ติดทางร่วมทางแยก และใกล้คอสะพาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนได้ ล่าสุด ได้ดำเนินการรื้อถอนร้านค้าขนาดเล็กบริเวณริมถนนสายเอเชียทั้ง 2 ฝั่ง ที่ต้องรื้อถอนเร่งด่วน จำนวน 45 ร้านค้า เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 18-19 เมษายนที่ผ่านมา

โดยส่วนใหญ่เป็นร้านค้าขนาดเล็กขายจำพวกโรตีสายไหม และเครื่องจักสาน และในวันนี้ได้นำเครื่องจักรขนาดใหญ่มาทำการขุดรื้อถอนในส่วนที่เป็นรากฐานของร้านค้าที่ทางเจ้าของร้านนำดิน และปูนมาถมเพื่อก่อสร้างร้านค้าชั่วคราว คาดว่าจะใช้เวลา 2 วันแล้วเสร็จ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ร้านค้าต่างๆ ย้อนกลับมาก่อสร้างร้านได้อีก พร้อมทั้งปรับพื้นดินให้ราบเรียบเสมอกัน

อย่างไรก็ตาม จะยังเหลือในส่วนของร้านค้าขนาดใหญ่อีกกว่า 70 ร้านค้า ที่ยังไม่ได้ทำการรื้อถอน เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการขอผ่อนผันจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้เท่านั้น โดยในระหว่างนี้ทางจังหวัดฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะได้เรียกตัวแทนของแต่ละร้านค้ามาร่วมประชุมหารือ เพื่อวางแนวทางร่วมกัน ทั้งในเรื่องของการเจรจาปรับความเข้าใจ และการจัดสรรสถานที่จำหน่ายสินค้าแหล่งใหม่รองรับให้

“ชาวบ้านเหล่านี้ก็เป็นคนในพื้นที่ ซึ่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ให้นโยบายว่าจะต้องมีที่รองรับให้เขาในกรณีนี้ชาวบ้านจะต้องมีที่ทำกิน แต่ต้องจัดระเบียบให้ถูกต้อง ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สาธารณะ ฉะนั้น ทางจังหวัดก็มีทางออก หรือทางเลือกให้เช่นกันว่าจะต้องย้ายจากเขตทางหลวง ไปขายในสถานที่ที่เราจัดไว้ให้ ซึ่งมีทั้งสถานที่สาธารณะ เป็นของหลวง และที่เป็นของเอกชนที่เสนอเข้ามา”

นายไพจิตร โพธิ์จันทร์ กล่าวอีกว่า หากพ้นกำหนดการผ่อนผันไปแล้วยังพบว่ามีร้านค้ากลับมาตั้งใหม่ หรือเจ้าของร้านไม่ยินยอมให้รื้อร้านค้าก็จะมีการแจ้งเอาผิดตามกฎหมายข้อหาบุกรุกเขตถนนหลวง ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน-3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ





กำลังโหลดความคิดเห็น