ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมคณะ ทำพิธีบวงสรวงถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ ณ อุทยานราชภักดิ์ พร้อมทั้งทำการส่งคืนหลักฐานที่ใช้ประกอบการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ให้แก่กองทุนสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์ กองทัพบก
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (8 เม.ย.) ที่อุทยานราชภักดิ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมคณะ ได้เดินทางมาทำพิธีบวงสรวงถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ มี พ.อ.สุวัฒน์ สมบูรณ์ทรัพย์ รองเจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก พ.อ.กล้าณรงค์ ไพรีพ่ายฤทธิเดช รองผู้บัญชาการโรงเรียนทหารราบ พร้อมคณะนายทหารจากศูนย์การทหารราบให้การต้อนรับ
โดยก่อนที่จะเริ่มพิธี ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมคณะได้เยี่ยมชมการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ภูมิทัศน์โดยรอบ รวมทั้งรับฟังบรรยายสรุปการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์จากเจ้าหน้าที่
จากนั้นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน จึงเป็นประธานในพิธีบวงสรวงถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ พร้อมทั้งทำการส่งคืนหลักฐานที่ใช้ประกอบการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ให้แก่กองทันสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์ กองทัพบก โดยมี พ.อ.สุวัฒน์ สมบูรณ์ทรัพย์ รองเจ้ากรมยุทธโยธาทหารบกเป้นผู้แทนรับมอบ
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้นอกจากจะทำพิธีถวายราชสักการะหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแล้ว ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นสำคัญคือ เนื่องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ทำให้มีเหตุจำเป็นต้องมีการตรวจสอบถึงเนื้อโลหะพระบรมราชานุสาวรีย์ทั้ง 7 พระองค์ ซึ่งได้มีการยืนยันจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการกลางยืนยันในผลการตรวจสอบโลหะแล้วว่า เป็นโลหะนอกมีรูปแบบเป็นไปตามรูปแบบรายการที่เสนอมา มีคุณสมบัติตามที่กำหนด มีความหนาครบถ้วน ซึ่งจากกรณีดังกล่าวแม้จะเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ก็ตามแต่ก็ต้องถือว่าเป็นการล่วงเกินในสิ่งที่มิบังควร ดังนั้น จึงต้องมากราบสักการะเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์
ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ก็ตระหนักดีว่า อุทยานราชภักดิ์เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย เกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนชาวไทย จากการตรวจสอบครั้งนี้ซึ่งใช้ระยะเวลานานกว่า 3 เดือน ทำให้เห็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งคือ การก่อสร้างในส่วนที่เหลืออีกจำนวนมากต้องหยุดชะงักลง
ดังนั้น ในส่วนของ สตง.เองก็จะขอมีส่วนร่วมในส่วนอื่นๆ ต่อไปด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การตรวจสอบของ สตง.ถือว่าตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์แล้ว มีการยืนยันโดยสถานบันวิชาการกลางทั้งในส่วนของสิ่งปลุกสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์ ซึ่งมีเอกลักษณ์ สมบูรณ์ สง่างาม สร้างความกระจ่างได้ว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์มีความสุจริต โปร่งใส ซึ่งจากนี้ไป สตง.เองก็จะช่วยดูแลในส่วนอื่นด้วย