พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ระบุถึงผลการตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ว่า ไม่พบการทุจริตว่า สิ่งที่ พล.อ.ไพบูลย์ พูดในเรื่องที่ว่าตนเคยยอมรับเกี่ยวกับประเด็น เรื่องค่าหัวคิว ตนอยากตอบว่าตนไม่เคยยอมรับ ครั้งแรกที่ทำเนียบรัฐบาลมีสื่อมวลชนได้สอบถามก่อนที่ตนจะเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งถือว่ามีเวลาน้อยจึงได้ตอบเพียงสั้นๆ ว่าอาจจะมีความจริงบางส่วน คำนี้อาจจะพลาดไปหน่อย แต่ความจริงแล้วตนได้อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องที่บริษัทเอกชนไปหาคนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโรงหล่อ เสร็จแล้วหลังจากนั้นก็มีการจ่ายค่าปรึกษาหารือกัน ส่วนจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เรียกว่าค่าตอบแทนที่ปรึกษา ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะไม่ใช่เรื่องหักค่าหัวคิว
"ผมอยากถาม พล.อ.ไพบูลย์ ว่า ไปเอาเทปมาดูว่าผมยอมรับอะไร เพียงแต่พลาดไปนิดหนึ่ง ว่ามีความจริงบางส่วน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ผมยอมรับหรือ เพราะหลังจากนั้นผมก็ได้อธิบายไปชัดเจนแล้ว ผมรังเกียจกับคำว่าหักหัวคิว ซึ่งยังงมงายอยู่ในคำเดิม ไม่ยอมฟังอะไร แต่จะด้วยอะไรหรือไม่ผมไม่แน่ใจ ผมเห็นว่า สตง.เป็นองค์กรที่มีมาตรฐาน ในเมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด ยังจะเอาอะไรอีก แต่มาบอกว่าผมยอมรับว่ามีหักหัวคิว ซึ่งผมไม่เคยยอมรับ ผมรังเกียจมากกับคำนี้ และแปลกใจเหมือนกันว่าเมื่อแถลงแล้วทำไมยังไม่จบ หรือว่าไม่ตรงใจจึงไม่จบผมก็ไม่ทราบ ผมรักและเคารพทุกคน ไม่ได้มีปัญหากับใคร แต่ความจริงเป็นอย่างไร ขอให้ฟังบ้าง" พล.อ.อุดมเดช กล่าว และว่า สตง.ถือเป็นองค์กรอิสระ ที่มีมาตรฐานสูงสุด และไม่มีเข้าใครออกใคร เมื่อตรวจสอบแล้วว่าไม่มีก็ต้องไม่มี กองทัพบกได้ดำเนินการรับเงินบริจาค จึงยอมให้มีการตรวจสอบ ทั้งที่บางหน่วยไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบ แต่ยังให้เข้ามาพูดคุยเพราะไม่ได้ถือสาอะไร ดังนั้นอยากให้เข้าใจ สตง.ได้พูดออกมาแล้วว่าปกติ ตนพอใจแล้ว
สำหรับโครงการอุทยานราชภักดิ์นั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า อีกสักระยะหนึ่งจะเดินหน้าโครงการอุทยานราชภักดิ์ต่อ หลังจากที่ชะลอมา 5-6 เดือน โดยเฉพาะการสร้างแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่จะต้องมีห้องประวัติศาสตร์และจัดนิทรรศการ เพื่อเชิดชูบูรพกษัตริย์ และคนที่บริจาคเงินก็เรียกร้องอยากให้ดำเนินการต่อให้สมบูรณ์ คนที่มีใจจะทำคงรู้สึกเบื่อแล้ว เพราะมัวแต่ถูกเล่นงานแบบไร้เหตุผลอย่างนี้ คนที่พยายามไม่เข้าใจ ก็จะติดลบกันไปเอง เรื่องทั้งหมดจบตั้งแต่การตรวจสอบของ สตง. เพราะเคลียร์หมดทุกอย่าง ว่าไม่มีสิ่งผิดปกติและไม่มีหักหัวคิว เพียงแต่ใช้คำว่า ค่าตอบแทนที่ปรึกษา
"เรื่องไม่เป็นเรื่องก็พยายามทำให้เป็นเรื่อง ผมพอใจกับสิ่งที่ สตง.ตรวจสอบ แต่ถ้ายังปรักปรำกันอีกก็อาจจะฟ้องดำเนินคดีสำหรับคนที่กล่าวให้ร้าย เพราะเรื่องนี้เชื่อมั่นว่า ต้องถึงกระบวนการยุติธรรมโดยแท้จริง ไม่เกี่ยวกับการหักค่าหัวคิวแต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่ใช่" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ส่วนจะมีปัญหาการทำงานกับคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่มีอะไร เพราะเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ต่างคนต่างทำงาน ทำตามหน้าที่ไม่มีปัญหา พล.อ.ไพบูลย์ก็ดีกับตนในเรื่องทั่วไป เจอกันก็คุยกัน ยืนยันไม่มีอะไรกับใคร เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาช่องว่างในการทำงานของรัฐบาล อย่างไรก็ตามคิดว่านายกรัฐมนตรี ก็อยากให้พิสูจน์ข้อเท็จจริง และไม่ได้หนักใจอะไร พร้อมกันนี้ในวันที่ 24 มี.ค. เวลา 08.30 น. จะชี้แจงกับสื่ออีกครั้ง และตอบคำถามกับสื่อทุกประเด็น
"ผมอยากถาม พล.อ.ไพบูลย์ ว่า ไปเอาเทปมาดูว่าผมยอมรับอะไร เพียงแต่พลาดไปนิดหนึ่ง ว่ามีความจริงบางส่วน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ผมยอมรับหรือ เพราะหลังจากนั้นผมก็ได้อธิบายไปชัดเจนแล้ว ผมรังเกียจกับคำว่าหักหัวคิว ซึ่งยังงมงายอยู่ในคำเดิม ไม่ยอมฟังอะไร แต่จะด้วยอะไรหรือไม่ผมไม่แน่ใจ ผมเห็นว่า สตง.เป็นองค์กรที่มีมาตรฐาน ในเมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด ยังจะเอาอะไรอีก แต่มาบอกว่าผมยอมรับว่ามีหักหัวคิว ซึ่งผมไม่เคยยอมรับ ผมรังเกียจมากกับคำนี้ และแปลกใจเหมือนกันว่าเมื่อแถลงแล้วทำไมยังไม่จบ หรือว่าไม่ตรงใจจึงไม่จบผมก็ไม่ทราบ ผมรักและเคารพทุกคน ไม่ได้มีปัญหากับใคร แต่ความจริงเป็นอย่างไร ขอให้ฟังบ้าง" พล.อ.อุดมเดช กล่าว และว่า สตง.ถือเป็นองค์กรอิสระ ที่มีมาตรฐานสูงสุด และไม่มีเข้าใครออกใคร เมื่อตรวจสอบแล้วว่าไม่มีก็ต้องไม่มี กองทัพบกได้ดำเนินการรับเงินบริจาค จึงยอมให้มีการตรวจสอบ ทั้งที่บางหน่วยไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบ แต่ยังให้เข้ามาพูดคุยเพราะไม่ได้ถือสาอะไร ดังนั้นอยากให้เข้าใจ สตง.ได้พูดออกมาแล้วว่าปกติ ตนพอใจแล้ว
สำหรับโครงการอุทยานราชภักดิ์นั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า อีกสักระยะหนึ่งจะเดินหน้าโครงการอุทยานราชภักดิ์ต่อ หลังจากที่ชะลอมา 5-6 เดือน โดยเฉพาะการสร้างแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่จะต้องมีห้องประวัติศาสตร์และจัดนิทรรศการ เพื่อเชิดชูบูรพกษัตริย์ และคนที่บริจาคเงินก็เรียกร้องอยากให้ดำเนินการต่อให้สมบูรณ์ คนที่มีใจจะทำคงรู้สึกเบื่อแล้ว เพราะมัวแต่ถูกเล่นงานแบบไร้เหตุผลอย่างนี้ คนที่พยายามไม่เข้าใจ ก็จะติดลบกันไปเอง เรื่องทั้งหมดจบตั้งแต่การตรวจสอบของ สตง. เพราะเคลียร์หมดทุกอย่าง ว่าไม่มีสิ่งผิดปกติและไม่มีหักหัวคิว เพียงแต่ใช้คำว่า ค่าตอบแทนที่ปรึกษา
"เรื่องไม่เป็นเรื่องก็พยายามทำให้เป็นเรื่อง ผมพอใจกับสิ่งที่ สตง.ตรวจสอบ แต่ถ้ายังปรักปรำกันอีกก็อาจจะฟ้องดำเนินคดีสำหรับคนที่กล่าวให้ร้าย เพราะเรื่องนี้เชื่อมั่นว่า ต้องถึงกระบวนการยุติธรรมโดยแท้จริง ไม่เกี่ยวกับการหักค่าหัวคิวแต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่ใช่" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ส่วนจะมีปัญหาการทำงานกับคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่มีอะไร เพราะเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ต่างคนต่างทำงาน ทำตามหน้าที่ไม่มีปัญหา พล.อ.ไพบูลย์ก็ดีกับตนในเรื่องทั่วไป เจอกันก็คุยกัน ยืนยันไม่มีอะไรกับใคร เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาช่องว่างในการทำงานของรัฐบาล อย่างไรก็ตามคิดว่านายกรัฐมนตรี ก็อยากให้พิสูจน์ข้อเท็จจริง และไม่ได้หนักใจอะไร พร้อมกันนี้ในวันที่ 24 มี.ค. เวลา 08.30 น. จะชี้แจงกับสื่ออีกครั้ง และตอบคำถามกับสื่อทุกประเด็น