บุรีรัมย์ - พนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ นำ ด.ญ.วัย 14 ที่ถูกรุมทำร้ายและบังคับค้าประเวณีสอบต่อหน้าสหวิชาชีพ เพื่อประกอบสำนวนคดี ขณะที่ “เจ๊แนน” หัวโจกถูกกล่าวหาจัดหาค้าประเวณีถูกส่งฝากขังศาลจังหวัดแล้ว ด้านผู้การฯ ตร.สั่งทุกพื้นที่ตรวจสอบปราบปรามขบวนการค้าประเวณี ย้ำหากพบ ตร.เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ละเว้น
วันนี้ (5 เม.ย.) ร.ต.ท.สุเทพ แดงหมื่นไว พนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้นำ ด.ญ.บี (นามสมมติ) วัย 14 ปี เหยื่อที่ถูกกลุ่มเยาวชนหญิงหลายคนอายุ 15-21 ปี รุมทำร้ายร่างกาย ทั้งถูกบังคับให้ค้าประเวณี และมีการเผยแพร่คลิปสนั่นโลกออนไลน์ มาสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพที่สำนักงานอัยการจังหวัดนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อประกอบสำนวนคดีตามกระบวนการขั้นตอนเนื่องจากผู้เสียหายเป็นเยาวชน
พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้นำตัว น.ส.สาวิตรี ดอกจันทร์กลาง อายุ 21 ปี หรือเจ๊แนน หัวหน้ากลุ่มเยาวชนหญิงผู้ก่อเหตุที่ถูกแจ้งความกล่าวหาส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดนางรองเช่นกัน ขณะนี้ยังไม่มีใครยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด โดยในเบื้องต้น น.ส.สาวิตรีได้ถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อค้าประเวณี
ด้าน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ ออกมาระบุว่า จากกรณีที่ปรากฏในคลิปว่ามีกลุ่มวัยรุ่นเยาวชนหญิงหลายคนรุมทำร้ายร่างกายเยาวชนหญิงคนเดียวจนได้รับบาดเจ็บนั้น จากภาพในคลิปสามารถเป็นหลักฐานที่จะดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้กระทำในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจได้เพราะมีหลักฐานชัดเจน
ส่วนกรณีที่ญาติและผู้เสียหายแจ้งความกล่าวหาว่ามีการบังคับค้าประเวณีด้วยนั้น ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทุกคนอย่างละเอียด เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่จะชี้ชัดได้ว่ามีการค้าประเวณีจริงตามที่ผู้เสียหายให้การ ซึ่งต้องขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ได้ทำงานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ใกล้เคียงตามที่พยานให้การว่าโครงข่ายของกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาระบุว่ามีภูมิลำเนาอยู่ เช่น อ.ประโคนชัย นางรอง เฉลิมพระเกียรติ ปะคำ และ อ.ละหานทราย ว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมในการกระทำในลักษณะค้าประเวณีหรือขายบริการทางเพศจริงหรือไม่ รวมทั้งได้กำชับให้ทุกท้องที่ได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบตามแหล่งบริการ สถานบันเทิง คาราโอเกะในพื้นที่อย่างเข้มงวดว่ามีการค้าประเวณีเด็กหรือไม่ หากพบให้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากมีข้าราชการตำรวจนายใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะซื้อบริการ หรือแสวงหาผลประโยชน์กับขบวนการดังกล่าวจะดำเนินการเอาผิดทั้งวินัย และกฎหมายอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีการละเว้น
