ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สองสาวลาวถูกตำรวจท่องเที่ยวบุกรวบคาร้านขายข้าวเปียกกลางเมืองขอนแก่น ฐานลักลอบเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต อ้างปีนี้แล้งจัดทำไร่ทำนาไม่ได้จึงชักชวนกันมาหางานทำได้ค่าจ้าง 300 บาท/วัน ส่งเลี้ยงดูครอบครัวฝั่งลาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ร้านข้าวเปียกอุดร 3 เลขที่ 119/12 ถ.เหล่านาดี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ธนกิจไพโรจน์ สว.สทท.3 กก.3 บก.ทท. ตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น พร้อมด้วย ร.ต.ท.ประจวบ ม่วงมี รอง สวป.ตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบภายในร้าน ภายหลังสืบทราบว่าร้านแห่งนี้มีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้าง
ทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปถึงพบ สาวลาว 2 คน คือ นางขวัญทราย หลวงพัน และนางเอื้อน้อย สีบุญเฮือง กำลังเสิร์ฟข้าวเปียกให้ลูกค้าภายในร้าน เมื่อขอดูเอกสารใบอนุญาตทำงาน ทั้งคู่ไม่สามารถนำแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ จึงควบคุมตัวมาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น และทำการควบคุมตัวนายอภิวัฒน์ พัชรพรสกุล เจ้าของร้านมาทำการสอบสวนด้วย
ทั้งนี้ นางขวัญทรายเล่าว่า ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา หมู่บ้านที่ สปป.ลาว ประสบปัญหาภัยแล้ง ทำนาทำไร่ไม่ได้ จึงชักชวนเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกันเข้ามาหางานทำในจังหวัดขอนแก่น โดยสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟและทำงานทั่วไปในร้านอาหาร ได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท การเดินทางเข้าประเทศไทยใช้พาสปอร์ตแบบนักท่องเที่ยวที่สามารถพำนักในไทยได้ 30 วัน หลังจากนั้นก็ได้ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย
เมื่อถึงเวลาครบกำหนด 30 วันแล้วก็จะเดินทางกลับฝั่งลาวผ่านทาง จ.หนองคาย เพื่อตรวจลงตราเข้ามาใหม่ ทำแบบนี้กันหลายรอบแล้ว สาเหตุที่ต้องลักลอบเข้ามาทำงานเพราะต้องการเงินค่าจ้างส่งกลับบ้านเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว
ด้าน พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ธนกิจไพโรจน์ สว.สทท.3กก.3 บก.ทท. กล่าวถึงการเข้มงวดกวดขันปราบปรามการลักลอบเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมายของชาวต่างด้าวว่ายังเป็นนโยบายหลักของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น มีพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุม 4 จังหวัดอีสานกลาง อย่างไรก็ตาม กรณีที่จับกุมผู้ต้องหาได้ในครั้งนี้ได้ตั้งข้อกล่าวหาเจ้าของร้านข้าวเปียกว่ารับบุคคลต่างด้าวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน เข้าทำงาน และแจ้งข้อกล่าวหาต่อชาวลาวทั้ง 2 คนในฐานความผิดเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันกลับประเทศต่อไป