xs
xsm
sm
md
lg

งามหน้าอีก! นศ.มหา’ลัยดัง โร่ร้อง ผบช.ภ.6 โดนคนอ้างเป็น ตร.ไล่ยิง-ปืนขู่ซ้อมปางตาย(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พิษณุโลก - กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยดังเมืองสองแคว หอบสังขารที่สะบักสะบอมร้องขอความเป็นธรรมจาก ผบช.ภ.6 บอกถูกคนอ้างเป็นตำรวจ ขับรถปาดหน้า พอบีบแตรใส่กลับไล่ชน-ยิงกลางเมือง ก่อนใช้ปืนขู่-ซ้อมจนได้รับบาดเจ็บ แถมโทร.ตามเพื่อนมาร่วมวงอีก พลเมืองดีมาช่วยยังโดนขู่ด้วย



วันนี้ (23 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม อ.เมืองพิษณุโลก จำนวนกว่า 50 คน เดินทางมายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบช.ภ.6 ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 6 อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กรณีถูกบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมทำร้ายร่างกายเพื่อนนักศึกษาจำนวน 5 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งทางด้านร่างกาย และสภาพจิตใจ

แต่ขณะที่กลุ่มนักศึกษามายืนหนังสือขอความเป็นธรรมนั้น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ติดราชการจึงมอบหมายให้ พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.อก.ภ.6 เป็นผู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ดังกล่าวไว้ พร้อมรับปากว่า จะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นภายใน 30 วัน โดยจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

นายธนพล คงอิว อายุ 23 ปี นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 00.00 น.ของคืนวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนพร้อมด้วยเพื่อนชายและหญิงจำนวน 5 คนได้ขับรถยนต์ออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อไปซื้อดอกไม้มาจัดงานสัมมนาวิชาการ ประกอบด้วย นายชัยธวัช ธำรงศักดิ์คุณ คนขับ, นายศิริวัฒน์ คุ้มทัศ นั่งข้างคนขับ ส่วนตนพร้อมกับ น.ส.กมลชนก กล่ำเทพ และนายธราเทพ แสงพิรุณ นั่งเบาะหลัง

ระหว่างทางที่ขับรถยนต์มาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณสามแยกข้างสะพานสูงฝั่งท็อปแลนด์พลาซ่า ถ.เอกาทศรถ มีรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าสีขาว ขับเข้ามาปาดหน้าจากทางด้านซ้ายโดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว เพื่อนที่ขับรถจึงได้บีบแตรใส่รถคันดังกล่าวที่มีลักษณะการขับขี่คล้ายคนเมา ก่อนจะขับรถยนต์ลอดใต้สะพานสูงข้ามทางรถไฟแล้วเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อมุ่งหน้าเข้าตลาด แต่ระหว่างการเลี้ยวซ้ายนั้น รถคันดังกล่าวได้พุ่งชนจากทางด้านหลัง นายชัยธวัชกำลังจะหยุดรถเพื่อลงไปดูรถของตน ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงคล้ายปืนดังขึ้น 4 ครั้ง และนักศึกษาที่ร่วมนั่งมาในรถด้วยเห็นว่าคนในรถคันดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงใส่ ด้วยความตกใจเลยบอกให้นายชัยธวัชขับรถหนี ระหว่างหนีก็ถูกคนที่อยู่ในรถไล่ยิงตลอดทางจนรถได้รับความเสียหายไม่สามารถที่จะขับไปต่อได้ เพราะถูกยิงเข้าที่ยางด้านหลังขวาจนแบน

ต่อมามีชายไม่ทราบชื่อเข้ามาพยายามจะเปิดประตูรถของพวกตน แต่ไม่สามารถเปิดได้ กระทั่งชายดังกล่าวใช้อาวุธปืนจ่อขู่ให้เปิดประตูแล้วใช้คำพูดขู่อีกว่า “ถ้าไม่เปิดประตูจะยิง” จึงยอมเปิดประตูรถ จากนั้นชายดังกล่าวได้ไล่พวกตนทั้งหมดรวม 5 คนลงจากรถโดยใช้อาวุธปืนขู่ให้หมอบลงกับพื้น แล้วลงมือทำร้ายร่างกายนายชัยธวัช ธำรงศักดิ์คุณ คนขับ ทั้งกระทืบและใช้ด้ามปืนฟาดเข้าที่ศีรษะจนแตก รวมทั้งใช้เชือกมัดมือก่อนใส่กุญแจมือ พร้อมด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย

หลังจากนั้นชายคนดังกล่าว ได้ลงมือกระทำกับนายศิริวัฒน์ โดยเข้ามาเตะเข้าที่ใบหน้า 2 ครั้งอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บสาหัส และทำร้ายร่างกายตนโดยการกระทืบที่บริเวณท้ายทอยอย่างรุนแรงหลายครั้ง มิหนำซ้ำชายคนดังกล่าวยังโทรศัพท์ตามเพื่อนชายอีกคนที่ 2 ขี่จักรยานยนต์มาที่เกิดเหตุ ก่อนจะเข้ามาใช้กำปั้นมือทุบบริเวณกกหูอย่างรุนแรง 1 ครั้ง จากนั้นชายทั้ง 2 คนได้ด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย และใช้อาวุธปืนข่มขู่เป็นระยะ

นอกจากนี้ ชายที่ทำร้ายร่างกายนายชัยธวัชจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย น.ส.กมลชนกอีก แต่นายธราเทพได้เข้ามาบังไว้จึงถูกชายคนดังกล่าวใช้รองเท้าฟาดที่บริเวณลำคอ และเตะที่บริเวณข้างลำตัว

ระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมีรถยนต์ของผู้เสียหายอีกคันที่ถูกชายคนดังกล่าวขับรถได้ขับตามมาจนถึงจุดเกิดเหตุ และพบว่ากลุ่มนักศึกษากำลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกายจึงเปิดประตูรถลงไปช่วย แต่กลับถูกใช้ปืนจ่อข่มขู่ โดยระหว่างที่เกิดเหตุกล้องวิดีโอหน้ารถยนต์ของพยานสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะกลุ่มนักศึกษาถูกทำร้ายได้ทั้งหมด

ภายหลังเหตุการณ์ยุติได้มีตำรวจสายตรวจขี่จักรยานยนต์ 3 คัน รวม 6 นายเข้ามาตรวจสอบ พร้อมกับร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก ที่อยู่ในเครื่องแบบมาตรวจค้นรถของนักศึกษา แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใดๆ ขณะที่กลุ่มนักศึกษา ได้ขอให้มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์กับกลุ่มชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะมีลักษณะเหมือนมึนเมาสุรา แต่ทางตำรวจก็ไม่มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์

จากนั้นนักศึกษาทั้งหมดจึงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอินเตอร์เวชการ ผลตรวจของแพทย์พบว่านายชัยธวัช คนขับ ศีรษะด้านหลังแตกต้องเย็บแผล 5 เข็ม, นายธราเทพ มีรอยฟกช้ำตามร่างกาย โดยเฉพาะที่ซี่โครง, นายศิริวัฒน์ มีบาดแผลที่จมูกหักเบี้ยวผิดรูป, นายธนพลกระดูกคอร้าวต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน ส่วน น.ส.กมลชนกไม่ได้รับบาดเจ็บ

หลังจากพักฟื้นจนอาการทุเลาลงแล้ว ทั้งหมดจึงพากันมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.อิสระ คุ้มวันดี ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก แต่เนื่องจากผู้ที่กระทำความรุนแรงกับกลุ่มนักศึกษาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงพากันเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.อก.ภ.6 กล่าวย้ำด้วยว่า ทางตำรวจภูธรภาค 6 ยังไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะตำรวจยุคใหม่สบายใจได้ ว่ากันไปใครผิดใครถูก ตอนนี้มีตำรวจลักษณะนี้ถูกเรียกมาประจำที่ภูธรภาคแล้วถึง 18 นาย ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน ตำรวจแบบนี้ไม่มีแล้วสมัยนี้














กำลังโหลดความคิดเห็น