ศูนย์ข่าวศรีราชา- เมืองพัทยา ลงพื้นที่ประสานเจ้าสัวสหฟาร์มช่วยแก้ปัญหาน้ำเสียลงทะเล เผยปัญหามีมานานแต่ไม่ได้รับการแก้ไขเป็นรูปธรรมชัดเจน ด้านเจ้าของบ้านสุขาวดีพร้อมรับผิดชอบแก้ไขหากผิดจริง
จากกรณีมีการนำภาพปัญหาน้ำเน่าเสียถูกปล่อยทิ้งลงทะเลบริเวณหลังบ้านสุขาวดีพัทยา สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชลบุรี จนส่งผลให้น้ำทะเลบริเวณดังกล่าวมีสภาพดำคล้ำ มีมลพิษทางกลิ่น ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศมาเป็นเวลานาน
กระทั่งเมืองพัทยา โดยการนำของ ดร.วีรวัฒน์ ค้าขาย รองนายกเมืองพัทยา ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบที่มาของปัญหาเพื่อทำการแก้ไขเร่งด่วน โดยพบว่า พื้นที่ปัญหาเกิดขึ้นบริเวณที่ดินว่างเปล่าของวัดช่องลม ติดกับที่พักคนงานของบ้านสุขาวดี ซึ่งมีปัญหาน้ำเน่าเสียท่วมขังรุนแรง ขณะที่บริเวณสันเขื่อนริมชายหาดก็มีน้ำเสียถูกปล่อยทิ้งตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (16 มี.ค.) ดร.วีรวัฒน์ ค้าขาย รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ในฐานะประธานกรรมการวัดช่องลม และคณะสมาชิกสภาเมืองพัทยา รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองช่างสุขาภิบาลเมืองพัทยา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพอย่างเป็นรูปธรรม
เบื้องต้น พบว่าบริเวณริมกำแพงบ้านสุขาวดีมีน้ำเอ่อท่วมจนส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงจริง โดยมีปริมาณน้ำที่ขยายกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จึงได้ทำการกันแนวเขตไว้ก่อนเข้าพบผู้บริหารบ้านสุขาวดีเพื่อหารือแนวทางแก้ไข
ดร.วีรวัฒน์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยาได้รับข้อร้องเรียนดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่า มีปัญหาน้ำเสียเกิดขึ้นจริง จึงทำการเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งต้องรอผลตรวจประมาณ 5 วัน แต่เบื้องต้นพบว่าค่าออกซิเจนในน้ำมีค่าไม่ถึง 0.1% จึงเข้าข่ายน้ำเน่าเสียรุนแรง
ขณะที่ นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวมีมานานแล้ว ในฐานะกรรมการวัดช่องลมเคยได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกวัดเกี่ยวกับเรื่องน้ำเสีย ซึ่งเคยประสานหาแนวทางการแก้ไขไปแล้ว และทางบ้านสุขาวดีก็รับปากจะเข้ามาปรับปรุงแล้วหลายครั้ง แต่สุดท้ายปัญหาก็ยังเกิดขึ้น
เบื้องต้น จึงเห็นควรให้มีการขุดดินเลาะแนวตะเข็บกำแพงบ้านสุขาวดี ซึ่งเป็นพื้นที่ปัญหาเพื่อหาดูต้นตอน้ำเสียเหล่านี้เกิดจากสาเหตุใด และหากพบว่าเกิดจากภาคเอกชนก็ควรเร่งดำเนินการแก้ไข แต่หากยังไม่มีผลการปฏิบัติที่ชัดเจนก็คงต้องเป็นเรื่องของท้องถิ่นที่จะต้องตรวจสอบกันต่อไป
ขณะที่ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ประธานบริหารบ้านสุขาวดี ระบุว่า เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใน กทม.มานานกว่า 14 ปี เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะคงไม่มีเจตนาที่จะไปกระทำผิดแต่อย่างใด และก็ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเสมอ
เพียงแต่ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2540 นั้นพบว่า พื้นที่ของบ้านสุขาวดีเดิมทีมีลักษณะเป็นดินเลนทั้งหมด เมื่อเข้ามาอยู่ก็มีการพัฒนาพื้นที่เรื่อยมา โดยหวังจะทำให้พื้นที่บริเวณบ้าน และใกล้เคียงมีความสวยงาม และมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัย
จึงอาจเป็นไปได้ว่าน้ำเหล่านี้อาจเกิดจากกรณีน้ำซึมจากใต้ดินเป็นหลัก เพราะมั่นใจว่าไม่ได้มาจากน้ำเสียจากการอุปโภคบริโภคภายในบ้านสุขาวดีแน่นอน เพราะมีการจัดทำระบบบริหารจัดการน้ำที่มีคุณภาพ แต่เมื่อเกิดปัญหาก็พร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไข และพร้อมจะสนับสนุนให้มีการขุดบ่อเพื่อรองรับน้ำไว้ใช้สำหรับวัดช่องลมในอนาคตด้วย