ภัยแล้งรุนแรง และลุกลามไปสู่ภาคการเกษตร รวมถึงภาคปศุสัตว์ ทำให้ขาดแคลนน้ำสำหรับเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะฟาร์มสุกร วอนภาครัฐให้ความช่วยเหลือด่วน
วิกฤตภัยแล้งรุนแรงปีนี้ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร รวมถึงภาคปศุสัตว์ทำให้ขาดแคลนน้ำสำหรับเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะฟาร์มสุกร เกษตรกรจำเป็นต้องตัดตอนลูกหมูออกจากฟาร์มเพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลต่อปริมาณหมูขุนในช่วงนี้ลดลง
นายถนัด เบ้าบัวเงิน ประธานสหกรณ์การเกษตรอำเภอน้ำพอง เปิดเผยว่า ภาวะวิกฤตภัยแล้ง และขาดน้ำในขณะนี้ ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรโดยเฉพาะรายย่อยได้รับผลกระทบอย่างหนักเพราะน้ำไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงสุกร ส่งผลเสียหายทำให้ผลผลิตสุกรลดลง ประกอบกับอากาศที่ร้อน สุกรกินอาหารได้น้อยลง ส่งผลให้โตช้า และมีปริมาณออกสู่ตลาดลดลง
“ทางสหกรณ์ฯ อยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐหามาตรการช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยอย่างเร่งด่วน ก่อนที่ผลผลิตจะเสียหายมากไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ผลผลิตหมูขุนในช่วงนี้จะลดลงตามสถานการณ์ภัยแล้ง และวิกฤตการขาดแคลนน้ำที่เกิดขึ้น”
ทั้งนี้ พ่อแม่พันธุ์สุกรใช้น้ำวันละ 30 ลิตรต่อตัว ส่วนสุกรขุนใช้น้ำวันละ 20 ลิตรต่อตัว ทั้งนี้ เกษตรกรที่ยังเลี้ยงต่อก็จำเป็นต้องซื้อน้ำมาใช้ ยิ่งทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย