บุรีรัมย์ - ตำรวจบุรีรัมย์สนธิกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง สกัดจับ ส.อบต. พร้อมภรรยาและสองผัวเมียเจ้าของรถตู้นำเที่ยว สปป.ลาว รวม 4 คน พร้อมของกลาง 33,886 เม็ด พร้อมอายัดเงินทรัพย์สินร่วม 2 ล้านบาท หวังรวยทางลัดลอบขนยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านกระจายส่งเครือข่ายตามหลัก กม.หลายจังหวัดอีสานตามสั่ง สารภาพทำมาแล้ว 2 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 2 แสนบาท
วันนี้ (4 มี.ค.) เวลา 13.30 น. พล.ต.ต.วิสาร์ท สมปราชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พ.อ.นิเวศน์ ฉายากุล รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 พ.ต.อ.ประยุทธ โพธิ์แก้วกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และ นายดำรงชัย เนรมิตตกพงษ์ ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ ที่บริเวณหน้าโรงแรมดุสิตปริ๊นเซส อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สนธิกำลังทหารมณฑลทหารบกที่ 26 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สกัดจับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายวิชัย ประสานพันธ์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.9 ต.เจียด อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นสมาชิก อบต.เจียด อ.เขมราฐ, นางวรรณ์ลา ประสานพันธ์ อายุ 49 ปี ภรรยา, นายสุพรรณ ใจแก้ว อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ม.1 ต.โพธิ์ไทร อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี และนางญาณัจฉรา ใจแก้ว อายุ 39 ปี ภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของรถตู้บริการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวไปเที่ยวยัง สปป.ลาว
โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้ขณะนำยาเสพติดมาส่งที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 59-60 ถนนสายบุรีรัมย์-พุทไธสง ต.บ้านจาน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 33,886 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ทั้งนี้ยังได้ยึดทรัพย์สินทั้งรถตู้ยี่ห้อ โตโยต้า หมายเลขทะเบียน ฮว 1042 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด รถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเลต ทะเบียน บล 9083 อุบลราชธานี ที่ใช้เป็นยานพาหนะ ในการขับนำหน้าเพื่อดูต้นทาง สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้น พระเลี่ยมทอง 1 องค์ และได้อายัดเงินในบัญชีที่ได้จากการจำหน่ายยาเสพติด รวมมูลค่าทรัพย์สินที่อายัดไว้ 1,890,000 บาท
จากการสอบสอน นายวิชัย ประสานพันธ์ สมาชิก อบต.เจียด อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ให้การรับสารภาพว่า ได้ลักลอบขนยาเสพติดจากเครือข่ายประเทศเพื่อนบ้านเพื่อมากระจายส่งให้กับเครือข่ายตามจุดนัดหมายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหลักกิโลเมตรในหลายจังหวัดทางภาคอีสานตามใบสั่งมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 100,000 เม็ด ได้ค่าจ้างครั้งละ 210,000 บาท
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ส่งให้พนักงานสอบสวนไว้ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.วิสาร์ท สมปราชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า ทางกองบัญชาการตำรวจภาค 3 ได้มีการกำชับให้ทุก สภ.ในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 8 จังหวัดได้เพิ่มมาตรการตรวจตราอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะตามแนวชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย
พร้อมทั้งกำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกนายอย่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภทอย่างเด็ดขาด เพราะข้าราชการตำรวจที่ดีต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชน แต่หากพบมีข้าราชการตำรวจนายใดกระทำผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น
