บุรีรัมย์ - ตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จ.บุรีรัมย์ สนธิกำลังชุดสืบสวน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดมจับกุมเครือข่ายค้ายาบ้าได้ยกแก๊ง ทั้งชาวไทย-กัมพูชา รวม 10 คน ของกลางกว่า 16,200 เม็ด สารภาพรับออเดอร์จากนักโทษเรือนจำบุรีรัมย์-โคราช ล่าสุด ตร.รู้ตัวแล้วเตรียมขยายผลรวบเพิ่ม
วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ชัยเดช ปานรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ แถลงผลการระดมกวาดล้างจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภูธร จ.บุรีรัมย์ ได้สนธิกำลังกับตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัด และตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ออกระดมกวาดล้างผู้เสพ และผู้ค้ายาเสพติดตามพื้นที่เป้าหมาย
จากการระดมกวาดล้างสามารถจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดได้ 10 ราย ประกอบด้วย น.ส.กนิษฐา หรือหน่อย อมรธนพิสิฐ อายุ 22 ปี นายสุขสันต์ พยุงแสนกุล อายุ 22 ปี นายอนนต์ อุตอามาตย์ อายุ 50 ปี นายสตบรรณ โฉมวัฒนะชัย อายุ 23 ปี นายกิตติชัย สวัสดี อายุ 59 ปี นายสุรเดช ชาญณรงค์ อายุ 31 ปี นายนัตตินัน หองสังข์ อายุ 28 ปี นายสมพงษ์ วงษ์สุวรรณ อายุ 31 ปี นายรัตตพล วงษ์เนตร อายุ 22 ปี และนายสมชาย แซ่ลิ้ม ชาวกัมพูชา
จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.กนิษฐา หรือหน่อย ทำหน้าที่รับออเดอร์จาก นายหนึ่ง (ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง) เป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำ จ.บุรีรัมย์ และนักโทษชายในเรือนจำ จ.นครราชสีมา โดยใช้วิธีโทรศัพท์ติดต่อให้ น.ส.หน่อย ไปรับยาบ้าตามจุดนัดหมาย
จากนั้น นายสมชาย แซ่ลิ้ม ชาวกัมพูชา จะเป็นคนนำยาบ้าที่รับมาจาก จ.สมุทรปราการ มาส่งให้ครั้งละ 1 มัด หรือ 2,000 เม็ด และเมื่อ น.ส.หน่อย ได้รับยาแล้วจะนำไปกระจายต่อให้แก่เครือข่ายเพื่อขายต่อให้แก่ลูกค้าซึ่งมีทั้งกลุ่มวัยรุ่น เยาวชน และนักเที่ยวกลางคืนในราคาเม็ดละ 300 บาท
กระทั่งเจ้าหน้าที่สืบทราบจึงได้ทำการระดมกวาดล้าง จนสามารถจับกุมเครือข่ายค้ายาได้ยกแก๊ง 10 คน พร้อมของกลางยาบ้า 16,275 เม็ด ยาไอซ์ 5 ถุง เงินสดเกือบ 30,000 บาท และโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการติดต่อซื้อขายยาเสพติดหลายเครื่อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
ส่วนนักโทษที่ผู้ต้องหาซัดทอดว่าเป็นคนสั่งการให้การซื้อขายยาบ้า ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้ว และจะได้ประสานไปยังทางเรือนจำ จ.บุรีรัมย์ และ เรือนจำ จ.นครราชสีมา เพื่อดำเนินการตั้งข้อหาเพิ่มแก่นักโทษคนดังกล่าว พร้อมทั้งขยายผลรวบขบวนการค้ายาเสพติดเพิ่มอีกด้วย