สุราษฎร์ธานี - ทหาร ร่วม ตชด.417 และ ป.ป.ส.ภาค 8 สุราษฎร์ธานี จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดเรือนจำกลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางยาบ้า ยาไอซ์ มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพผู้ต้องขังโทร.สั่งให้รับยามาเก็บเพื่อรอจำหน่ายให้เอเยนต์ในพื้นที่
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่กองร้อย ตชด.417 ตำบลขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายวงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอาง ผู้บังคับการตำรวจภูธรสุราษฎร์ธานี นายวีระวัฒน์ เต็งอำนวย ผู้อำนวยการ ป.ป.ส.ภาค 8 พ.ต.ต.เชาวลิต ฆังคะรัตน์ ผบ.ร้อย ตชด.417 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นายสุภาพ รัตนวรรณ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/1 หมู่ที่ 7 ต.ท่ากระดาน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ น้ำหนัก 2 กิโลกรัม 4 ขีด ยาบ้า จำนวน 21,000 เม็ด รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท
หลังจากเจ้าหน้าที่ ตชด.417 ทหาร ป.ป.ส.ภาค 8 ร่วมกันจับกุมตัว นายยุทธนา พรหมชนะ อายุ 30 ปี พร้อมของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 975 เม็ด เมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา ที่บริเวณลานจอดรถยนต์สิทธินีย์แมนชั่น ถนนชนเกษม กลางเมืองสุราษฎร์ธานี นำตัวมาสอบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมตัว นายสุภาพ ได้ที่บ้านเลขที่ 101/1 ม.7 ต.ท่ากระดาน พร้อมของกลางทั้งหมด โดยผู้ต้องหาได้นำยาไอซ์ซุกซ่อนใส่ในกระป๋องสี และยาบ้าใส่กล่องเครื่องมือพลาสติก นำไปฝังดินในสวนปาล์มหลังบริเวณบ้าน
โดยนายสุภาพ ได้รับสารภาพว่า ได้รับการสั่งการทางโทรศัพท์จากนายนันทวุฒิ หรือน้อย กลางณรงค์ ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ไปเอายาบ้า และยาไอซ์จำนวนดังกล่าวในพื้นที่เมืองสุราษฎร์ธานี และนำไปเก็บรักษาไว้ที่บ้านเพื่อรอส่งต่อให้ลูกค้าในพื้นที่ โดยได้รับค่าจ้างมัดละ 3,000 บาท ยาไอซ์ขีดละ 3,000 บาท
สำหรับ นายสุภาพ ก่อนหน้านี้ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหายาเสพติด และถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำกลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา และกลับมาร่วมแก๊งค้ายาอีกครั้ง แต่ก็ไปไม่รอดถูกจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะได้จับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินคดีต่อไป
ในขณะที่ผู้บังคับการตำรวจสุราษฎร์ธานี ระบุว่า การจู่โจมตรวจค้นเรือนจำทุกครั้งมีการสนธิกำลังจึงทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และผู้ต้องขังรู้ตัวก่อน ประกอบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีผลประโยชน์ จึงทำให้การกวาดล้างขบวนการค้ายาในเรือนจำยังคงอยู่
ด้าน นายวงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าราชการได้ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานหมดแล้วว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง ทางจังหวัดจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำต่อไป