ลำปาง - อดีตพลทหารชายแดนใต้ ผู้ต้องหาคดีลักไม้จนถูกศาลตัดสินจำคุก 16 เดือนไม่รอลงอาญา แจ้งความต่อผู้ที่ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ จนตัวเองต้องได้รับโทษ พร้อมฝากขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือออกมาสู้คดี-ซ่อมแซมบ้านที่โยกเยกใกล้พังจนมั่นคงขึ้น ขณะที่ทนายความออกหน้าขอโทษศาลอีกครั้ง หลังให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนจนศาลถูกตำหนิ
วันนี้ (3 มี.ค.) นายเอกสิทธิ์ มานะรุ่งโรจน์ ทนายความ ได้เข้าเยี่ยมครอบครัวของนายสัจจพันธุ์ จารณา อดีตพลทหารชายแดนใต้ ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 16 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ฐานร่วมกันลักทรัพย์ (โรงงานน้ำตาลเกาะคา) ขณะที่เจ้าตัวยืนยันว่าแค่ไปเก็บไม้ข้างทางมาเพียงแผ่นเดียวยาวประมาณ 2 เมตร หวังนำไปซ่อมบ้านให้แม่ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำหน้าที่พยุงความยุติธรรมอย่างกว้างขวาง
จนกระทั่งโฆษกศาลได้ออกมาแถลงข่าวว่า แท้จริงแล้วผู้ต้องหา (อดีตพลทหาร สัจจพันธุ์) ถูกดำเนินคดีฐานลักทรัพย์รวม 9 รายการ มูลค่ากว่าแสนบาท แต่พบของกลางเพียงไม้ 1 แผ่น และสายไฟ 1 เส้นเท่านั้น ดังนั้นการที่ออกมาโจมตีว่าพลทหารถูกจับเพราะลักไม้แผ่นเดียวจึงไม่เป็นความจริง
ต่อมา พล.ต.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผบ.มทบ.32 ได้ให้ ร.อ.สุพรรณ สิทธิกุล ปฏิบัติหน้าที่นายทหารฝ่ายธุรการและกำลัง พร้อมด้วยนายเอกสิทธิ์ มานะรุ่งโรจน์ ทนายความ เข้าประกันตัวนายสัจจพันธุ์ออกมา โดยใช้ตำแหน่งของ ร.อ.สุพรรณ เป็นประกัน พร้อมกับนำกำลังทหาร มทบ.32 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้นำท้องถิ่นได้เข้าตรวจสอบที่บ้าน ก่อนให้ทหารช่างเข้าซ่อมแซมบ้าน และช่วยเหลือด้านคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์
ล่าสุดพบว่าสภาพบ้านของอดีตพลทหาร สัจจพันธุ์ จากเดิมที่โยกเยกใกล้จะพัง ขณะนี้ทางทหารได้ซ่อมต่อเสายึดทาสีจนอยู่ในสภาพที่ดีแล้ว โดยทุกคนในครอบครัวต่างก็ดีใจ
นายเอกสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อตนมาเห็นว่าที่บ้านของนายสัจจพันธุ์ได้รับการช่วยเหลือแบบนี้ก็ดีใจที่ทุกหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งนี้ก็ยังถือโอกาสขอโทษศาลอีกครั้งว่า ที่ผ่านมาตนเองด้วยความที่ต้องการช่วยเหลือนายสัจจพันธุ์ ให้ได้ประกันตัวโดยเร็ว จึงได้เขียนเรื่องดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้คนในสังคมได้ร่วมบริจาคเพื่อประกันตัว
แต่ได้เขียนข้อมูลไม่ครบถ้วน เพราะลงเพียงที่นายสัจจพันธุ์ยืนยันว่าไปเก็บไม้มาเพียงแผ่นเดียวเท่านั้น จนสื่อไปในทำนองว่านายสัจจพันธุ์ถูกศาลตัดสินเพียงแต่ลักไม้แผ่นเดียว ซึ่งตนเองก็รู้สึกเสียใจในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จนศาลถูกสังคมมองในทางที่เสื่อมเสียถูกตำหนิ ซึ่งตนก็เสียใจ และต้องขอโทษศาลอีกครั้ง ซึ่งศาลเองก็เมตตาไม่เอาเรื่องกับตนเอง
“ต่อไปก็จะเพิ่มความระมัดระวังให้มาก และต้องขอขอบคุณทุกคนในสังคมที่ได้ช่วยเหลือครอบครัวนี้ ซึ่งถือว่าเป็นน้ำใจที่มอบให้กันในสังคม”
ขณะที่นายสัจจพันธุ์เองก็ขอบคุณ ผบ.มทบ.32 ที่เข้ามาช่วยเหลือรวมถึงการซ่อมบ้าน ส่วนเรื่องคดีก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม
หลังจากนั้นนายสัจจพันธุ์ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.สมชาย ปันทะนันท์ พนักงานสอบสวน สภ.เกาะคา ให้ดำเนินคดีต่อนางสาวรัศมี ธวาริน ในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน จนเป็นเหตุให้ตนเองได้รับโทษ และครอบครัวได้รับความเดือดร้อนด้วย
