ฉะเชิงเทรา - ญาติ จนท.เหยื่อช้างเหยียบจัดงานสวดพระอภิธรรมศพ 4 คืน ก่อนทำพิธีฌาปนกิจเสาร์นี้ ขณะเพื่อนร่วมงานเผยผู้ตายถูกช้างป่าเข้าทำร้ายขณะกำลังถ่ายภาพลูกช้างส่งเข้าไลน์กลุ่มเพื่อรายงานสถานการณ์ต่อศูนย์ควบคุมฯ ก่อนที่ช้างป่าตัวแม่จะพุ่งปรี่เข้าทำร้ายจนเสียชีวิต ตามสัญชาตญาณของสัตว์ป่าที่กำลังหวงลูก
วันนี้ (2 มี.ค.) เวลา 15.30 น. นายบุญเลิศ ผิวพรรณ อายุ 48 ปี พนักงานราชการ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงสถานการณ์ในวันเกิดเหตุช้างป่าทำร้ายเจ้าหน้าที่สถานีวิจัยสัตว์ป่าฉะเชิงเทรา ที่เข้ามาช่วยสนธิกำลังในโครงการต้อนช้างกลับป่าจนเสียชีวิต ว่า วันเกิดเหตุได้ออกปฏิบัติหน้าที่ไล่ต้อนช้างป่าอยู่ในชุดเดียวกันกับ นายไพจิตร มุขจีน อายุ 41 ปี ผู้ตาย ซึ่งปกติจะไปด้วยกันเป็นประจำโดยตนเป็นหัวหน้าชุด
แต่ขณะที่เกิดเหตุนั้นไม่มีชุดเกะรอยช้างป่า ตนจึงได้แยกชุดออกไปทำหน้าที่แกะรอยช้างป่า โดยให้ผู้ตายเป็นหัวชุดนำกำลังผสมที่เหลืออยู่ในชุดอีกกว่า 20 นาย เดินไล่ต้อนช้างกลับป่าแทน จนมาพบตัวลูกช้างป่าวัยเพียงกว่า 1 ปีเศษ ซึ่งเป็นเป้าหมายของภารกิจ อยู่ห่างประมาณกว่า 10 เมตร
ผู้ตายจึงได้ทำการถ่ายภาพเพื่อที่จะส่งไลน์ไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่กำลังช่วยกันค้นหา และต้อนช้างกลับป่า พร้อมรายงานไปยังหัวหน้าผู้ควบคุมการปฏิบัติทราบเพื่อยืนยันว่า ได้พบช้างอยู่ในพื้นที่บริเวณจุดไล่ต้อนนั้นจริง แต่ทันใดนั้น ได้มีช้างเพศเมียซึ่งมีขนาดความสูงเกือบ 3 เมตร น้ำหนักประมาณ 2.5 ตัน ซึ่งเป็นช้างแม่ลูกอ่อน ได้ออกมาจากเงาพุ่มไม้ที่ยืนซุ่มอยู่ ก่อนที่จะตรงปรี่เข้ามาทำร้ายผู้ตายด้วยความหวงแหนลูก จนผู้ตายได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
โดยสาเหตุส่วนหนึ่งนั้นอาจเกิดจากเจ้าหน้าที่กองกำลังผสมในชุดนั้นไม่ได้ช่วยระวังหลังให้แก่ผู้ตาย ในขณะที่ผู้ตายกำลังทำการถ่ายภาพเพื่อส่งไลน์ รายงานให้แก่ทางศูนย์ควบคุมทราบ ซึ่งหากเป็นเจ้าหน้าที่ในชุดที่เคยร่วมทีมเดียวกันมาก่อนก็จะทราบว่า ต้องช่วยกันในการระมัดระวังหลังให้แก่กัน ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังถ่ายภาพรายงานสถานการณ์ที่พบช้างด้วย
ขณะที่ น.ส.อาภรณ์ พะวง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 ม.8 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ภรรยาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า จะทำการตั้งศพสวดพระอภิธรรมที่บ้านพักเป็นเวลา 4 คืน โดยได้เริ่มสวดคืนแรกไปแล้ว เมื่อช่วงค่ำวานนี้ และจะทำการฌาปนกิจศพสามีในวันเสาร์นี้ เวลา 16.00 น.
สำหรับครอบครัวของตนนั้นมีด้วยกันเพียง 3 แม่ลูก โดยมีบุตรชาย กับสามีที่อยู่กินกันมานาน 12 ปีแล้ว จำนวน 1 คน ซึ่งกำลังเรียนอยู่ระดับชั้น ป.4 อายุ 12 ปี หลังจากสามีได้เสียชีวิตลงในครั้งนี้ก็ได้ทำให้ครอบครัวขาดเสาหลักของบ้านไป เพราะสามีทำงานอยู่กับศูนย์วิจัยสัตว์ป่ามานานถึงกว่า 18 ปีแล้ว ทำให้ได้รับค่าจ้างที่สูงกว่า คือ 13,360 บาท ขณะที่ตนเองนั้นเพิ่งได้เข้าไปทำงานในที่เดียวกันกับสามีได้เพียง 5 ปี จึงได้รับค่าจ้างรายเดือนเพียง 7,900 บาทเท่านั้น แต่ก็จะพยายามอดทนสู้ที่จะเลี้ยงดูบุตรชายให้ได้เรียนหนังสือต่อไป
