ฉะเชิงเทรา - ช้างในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อาละวาดไม่เลิก ล่าสุด ยกฝูงเข้ามาถล่มกระท่อมเฝ้าไร่ชาวบ้านอีกระลอก ขณะชาวบ้านหนีตายรอดได้อย่างหวุดหวิด
วันนี้ (4 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปภาพจากกล้องดักถ่ายบันทึกภาพสัตว์ป่า จากเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมอันชาญฉลาด หรือการมีความคิดที่จะต่อสู้กับปัญหา และอุปสรรคที่ถูกมนุษย์ก่อสร้างขึ้นมากีดขวาง เป็นปราการกั้นเส้นทางเดินหลบหนีออกจากป่าไปได้อย่างง่ายดาย ในการเล็ดลอดออกไปจากเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี)
พฤติกรรมที่พบในคลิปภาพถ่ายจากกล้องดักจับภาพสัตว์ป่าของเจ้าหน้าที่ ได้พบว่า ช้างป่าได้พยายามที่จะเดินปีนข้ามคูกันช้างที่ถูกทางเจ้าหน้าที่ทำการขุดขึ้นมาเป็นแนวยาวกว่า 100 กิโลเมตร ตั้งแต่บริเวณป่าคลองกลาง ใกล้กับจุดตรวจของทหารพราน ในเขตพื้นที่ อ.ท่าตะเกียบ ยาวไปจนถึงบ้านนายาว และบ้านนาอีสาน ในเขตพื้นที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรานั้น
ในภาพพบว่า มีช้างป่าตัวเล็ก หรือช้างที่ยังโตไม่เต็มวัยได้พยายามที่จะเดินข้ามปีนคูกันช้างก่อน แต่ปรากฏว่า ได้ไปปะทะกับแนวลวดไฟฟ้าจากเครื่องช็อตวัว ที่เจ้าหน้าที่ได้นำเอามาวางดักไว้ ที่เหนือคันคูด้านบนอีกชั้นหนึ่ง จึงได้ทำให้ช้างตัวดังกล่าวนั้นต้องล่าถอยหลังกลับไป
จากนั้นช้างตัวที่มีขนาดย่อมได้ไปตามให้ช้างตัวที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือช้างตัวเต็มวัย ซึ่งมีความสูงกว่า 3.5-4 เมตร หรือมีความสูงเกือบเสมอกับแนวคันคูเข้ามาช่วยในการทำลายคันคู และแนวลวดไฟฟ้าที่ทางเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ได้นำมาวางดักช็อตไว้
โดยจะเห็นได้จากพฤติกรรมของช้างในกล้องที่จับภาพได้อีกตัวหนึ่งที่สามารถจับภาพขณะที่ช้างกำลังใช้ก้น หรือบริเวณสะโพกด้านท้ายของขาหลังทั้งสองข้างดันแนวรั้วลวดไฟฟ้าให้ขาดลงไปอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ภาพที่ได้มาจากกล้องบันทึกดักจับภาพสัตว์ป่านั้นยังมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาในการบันทึกที่จะสามารถบันทึกภาพได้ในแต่ละครั้งมีความยาวได้แค่เพียงครั้งละ 10 นาทีเท่านั้น จึงทำให้ไม่สามารถที่จะทำการบันทึกภาพพฤติกรรมของช้างป่าที่ฝ่าปราการแนวป้องกันหนีออกจากป่าเอาไว้ได้ทั้งหมด
แต่จากภาพที่ได้มานั้น เจ้าหน้าที่ก็สามารถนำมาวิเคราะห์ตรวจสอบดูพฤติกรรมของช้างป่าเหล่านี้ได้ว่า ช้างป่ามีพฤติกรรม หรือพัฒนาการในการที่จะฝ่าแนวป้องกันออกจากป่าไปได้อย่างไร
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจาก นายอรุณ โสภากร อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 16 บ้านนาอีสาน ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ล่าสุด ช้างป่าได้ยกฝูงมาเป็นจำนวนมากนับสิบตัว บุกเข้ามารื้อค้นข้าวของ และพังทำลายกระท่อมเฝ้าไร่ของชาวบ้านอีก จำนวน 2 หลัง โดยช้างป่ายังคงมีพฤติกรรมในการใช้งวงรื้อค้นดึงข้าวของออกมาจากกระท่อม และทุบกระทืบทำลายทิ้ง ก่อนที่จะใช้งวงควานหาตัวคน ซึ่งหากพบว่ามีคนอยู่ในกระท่อมก็จะคว้าตัวคนออกมาทำร้าย
นอกจากนี้ หากช้างป่ามองเห็นแสงไฟ หรือเห็นว่ามีมุ้งกางอยู่ภายในกระท่อมหลังไหนก็จะรีบตรงปรี่เข้ามาหายังกระท่อมหลังนั้นก่อนในทันที เพื่อที่จะเข้ามาควานหาตัวคน และทำร้าย เช่น กรณีของนายบุญมี อุ่นสำโรง ที่ถูกช้างป่าบุกเข้ามายังกระท่อม และทำร้ายจนเสียชีวิตเมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค.59 ที่ผ่านมา เพราะช้างเห็นแสงไฟ
ล่าสุด ที่กระท่อมของ นายหัส วิเศษ อายุ 60 ปี ชาวไร่มันสำปะหลัง และทำสวนยางพาราก็ยังถูกช้างป่าบุกเข้ามารื้อค้นข้าวของ และพังกระท่อมเพื่อควานหาตัวคนเพราะช้างป่าเห็นว่ามีมุ้งกางอยู่บนกระท่อม
แต่โชคดีที่ขณะเกิดเหตุ นายหัส ได้กลิ้งตัวหลบหนีลงมาจากกระท่อม และลงมานอนหมอบนิ่งอยู่ที่พื้นดินใต้แคร่ไม้ไผ่ที่ใช้สำหรับหลับนอน จึงรอดชีวิตมาได้ แต่ช้างก็ยังคงทำการรื้อค้นทำลาย พังหลังคากระท่อม และถอดเสากระท่อมทิ้ง โดยนายหัส ได้นอนหมอบซุกตัวอยู่นานนับชั่วโมง จนกระทั่งช้างป่าล่าถอยกลับเข้าป่าไป จึงได้ออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน
ส่วนกระท่อมที่ถูกช้างทำลายทิ้งอีกหลังเป็นของ นายสมดี ปัดกอง อายุ 43 ปี ชาวไร่มันสำปะหลัง แต่โชคดีที่ขณะเกิดเหตุนั้นไม่มีคนอยู่ในกระท่อม เพราะเจ้าของไม่กล้านอนเฝ้าไร่ หลังจากทราบข่าวว่ามีช้างป่าบุกเข้ามาอาระวาดทำลายกระท่อมเฝ้าไร่ของชาวบ้านทุกคืน
ขณะนี้ตนพร้อมด้วยชาวบ้านได้แก้ไขปัญหาด้วยการจัดเตรียมกำลังอาสาสมัครในหมู่บ้าน ประกอบด้วย กำลัง ชรบ.ของหมู่บ้าน และ อพปร. จำนวนกว่า 30 คน ให้เตรียมความพร้อมเอาไว้ตลอดทุกคืนเพื่อคอยช่วยเหลือชาวบ้านหากถูกช้างป่าบุกเข้ามาทำร้าย ก็จะสามารถตรงเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ด้วยการขอให้ชาวบ้านที่จะไปนอนเฝ้าไร่นั้นทำการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของตนเอาไว้ทุกคนขณะที่ออกไปทำไร่ยังชายป่า
โดยหากมีเหตุการณ์ช้างป่าบุกเข้ามาทำร้าย กลุ่มชาวบ้านที่ได้มีการระดมกำลังกันเอาไว้แล้ว ก็จะเข้าไปจุดประทัดปิงปอง พร้อมกับได้ใช้ภูมิปัญญาของชาวบ้านช่วยกันทำการประดิษฐ์บั้งไฟขนาดเล็กเพื่อที่จะเอาไว้จุดไล่ช้างไว้ด้วยอีกทางหนึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมานั้น ช้างป่าเริ่มไม่กลัวเสียงประทัดแล้ว เพราะเข้าไม่ถึงตัวเขา แต่การใช้บั้งไฟขนาดเล็กที่ชาวบ้านประดิษฐ์ขึ้นมานี้ เมื่อจุดเข้าไปนั้นจะสามารถพุ่งเข้าไปใกล้ตัว หรือจุดที่ช้างยืนอยู่ได้มากกว่า ก็จะทำให้ช้างป่าเขากลัวเราขึ้นมาบ้าง และหลบหนีเข้าป่าไปในที่สุด