ประจวบคีรีขันธ์ - หัวหน้าเขื่อนปราณบุรี ยอมรับน้ำในเขื่อนเหลือเพียง 91 ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้ได้เพียง 74 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น วอนให้ทุกหน่วยงาน รวมทั้งประชาชนช่วยกันประหยัด ด้าน ผอ.ศูนย์ฝนหลวงพบ 1-2 วันนี้ยังไม่สามารถบินทำฝนหลวงได้ หลังเกิดสภาพอากาศแห้งแล้ง เมฆไม่รวมตัว และลมแรงซึ่งเป็นปรากฏการณ์เอลนีโญ
วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 391 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเขื่อนปราณบุรี แห่งนี้ต้องส่งน้ำไปใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคให้แก่อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี อำเภอกุยบุรี และบางส่วนของอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และส่งน้ำไปให้แก่พื้นที่ภาคการเกษตร ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 391 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มาระยะหลังเนื่องจากฝนเริ่มทิ้งช่วงในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำที่กักเก็บไว้ลดลงทุกปี
โดยเมื่อปีที่ผ่านมาของวันเดียวกันนี้ นายอุรัค สุบรรณเสนีย์ หัวหน้าโครงการเขื่อนปราณบุรี ระบุว่า มีน้ำอยู่ที่ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ในปีนี้ปัจจุบันมีน้ำเหลือยู่เพียง 90.92 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือมีปริมาณน้ำที่ใช้ได้เพียง 74 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้ำเหลือน้อยมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้ต้องมีการบริหารจัดการน้ำโดยเฉพาะต้องหยุดส่งน้ำเพื่อทำการเกษตร และต้องดำเนินการบริหารจัดการน้ำที่เหลือยู่ให้เพียงพอในระยะเวลา 5 เดือนนับจากวันนี้ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม โดยที่ทางเขื่อนปราณบุรี มีการปล่อยน้ำไปยังอำเภอต่างๆ เฉลี่ยเดือนละไม่เกินเดือนละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม จากสภาวะฝนทิ้งช่วง และภัยแล้งที่รุนแรงในปีนี้ ทุกหน่วยงาน รวมทั้งประชาชนก็ต้องช่วยกันประหยัดน้ำ และใช้น้ำที่จำเป็น โดยเฉพาะหน่วยงานไหนที่สามารถนำน้ำกลับมาใช้งานในบางส่วนได้ก็ควรที่จะเร่งหามาตรการดำเนินการ อย่างเช่น การนำน้ำกลับมาใช้รดต้นไม้เหล้านี้เป็นต้น
หัวหน้าโครงการเขื่อนปราณบุรี เปิดเผยด้วยว่า ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่เขื่อนปราณบุรี หลังเกิดปัญหามีการลักลอบสูบน้ำในช่วงเวลากลางคืนในพื้นที่รับผิดชอบของเขื่อนปราณบุรี โดยได้กำชับให้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องประสานกับทางฝ่ายปกครองให้เข้ามาช่วยดูแลปัญหาการลักลอบการใช้น้ำด้วยเช่นกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย เพราะต้องรักษาระดับน้ำในเขื่อนปราณบุรี ให้คงที่เพื่อให้น้ำมีใช้เพียงพอไปจนถึงเดือนกรกฎาคม และขอยืนยันว่า ในส่วนของน้ำเพื่อการอุโภคบริโภคนั้นมีปริมาณเพียงพอ และสิ่งสำคัญขณะนี้ได้มีการมาตั้งหน่วยฝนหลวง หัวหิน เพื่อปฏิบัติหน้าที่เติมน้ำให้แก่ลุ่มแม่น้ำปราณบุรีแล้ว
ขณะเดียวกัน ที่ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน นายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางไปติดตามการขึ้นบินทำฝนหลวง ซึ่ง นายฉันติ เดชโยธิน นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการศูนย์ฝนหลวงหัวหิน ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ พร้อมนักบิน และแจ้งว่า หลังตรวจสภาพอากาศแล้วพบว่า อากาศมีความแห้งมาก กลุ่มเมฆไม่มีการจับตัว ลมแรง หรือปรากฏการณ์เอลนีโญ จึงไม่สามารถที่จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงได้ คาดว่าจะเป็นในช่วง 1-2 วันนี้เท่านั้น
หากสภาอากาศมีความเหมาะสมก็จะดำเนินการทันที รวมทั้งในส่วนของโซนใต้ทาง อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ อ.ทับสะแก อ.บางสะพาน และ อ.บางสะพานน้อย หากระว่างที่ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง และพบมีเมฆอยู่ทางโซนด้านใต้ก็สามารถที่จะนำเครื่องลงที่สนามบินของกองบิน 5 เพื่อเติมสารฝนหลวงที่นำไปเก็บไว้ที่พื้นที่ดังกล่าวด้วยอีก 1 จุด เพื่อความสะดวก และคล่องตัวในการที่จะดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดฝนตกลงพื้นที่ประสบภัยแล้ง และเติมน้ำในเขื่อน และอ่างเก็บน้ำต่างของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.เพชรบุรี และบางส่วนของ จ.ราชบุรี
นายแทนไทร์ พลหาญ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ หน่วยฝนหลวงหัวหิน กล่าวว่า ตอนนี้ได้นำเครื่องบินแบบคาราแวน 3 ลำ มาประจำที่สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อขึ้นบินโปรยสารฝนหลวงในพื้นที่เป้าหมายลุ่มน้ำแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ลุ่มน้ำปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากกำลังประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่หลายแห่งไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และน้ำทำการเกษตร รวมทั้งมีผลกระทบต่อสัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยเฉพาะพื้นที่ป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน และพื้นที่ป่าเด็ง ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อเติมน้ำให้แก่ลุ่มน้ำต่างๆ ได้มีปริมาณน้ำที่มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการเกษตร และเพื่ออุปโภคบริโภค