กาฬสินธุ์ - ชาวไร่อ้อยเกษตรกร 3 ตำบลในอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โวยอ้อยถูกไฟไหม้เกือบ 300 ไร่ มั่นใจเป็นฝีมือนายทุนแอบเผาหวังกดราคารับซื้อ สุดช้ำราคาลดฮวบเกือบครึ่ง วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ
วันนี้ (1 มี.ค. 59) เกษตรกรชาวไร่อ้อยใน ต.บัวขาว ต.สมสะอาด และ ต.กุดค้าว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ กว่า 20 ราย ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกำลังช่วยกันเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยเพื่อส่งขายให้กับโรงงาน หลังจากถูกไฟไหม้เสียหายกว่า 300 ไร่ โดยเกษตรกรระบุว่า สาเหตุเกิดจากมีนายทุนจุดไฟเผาอ้อยในไร่ของตนเองเพื่อหวังให้ลุกลามไปยังไร่อ้อยชาวบ้าน ก่อนที่จะตระเวนรับซื้อกดราคาอ้อยที่ถูกไฟไหม้ ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนและเดือดร้อนอย่างมาก
นายคำวน แสงเพชร อายุ 70 ปี เกษตรกรใน ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ทุกปีตนและเพื่อนเกษตรกรชาวไร่อ้อยจะตัดอ้อยสดส่งให้กับโรงงาน แต่ปีนี้ประสบปัญหาเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากอ้อยที่ปลูกอยู่บริเวณใกล้เคียงกันรวมพื้นที่กว่า 300 ไร่ ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด โดยสาเหตุชาวบ้านเชื่อว่าเกิดจากฝีมือกลุ่มนายทุนที่รับซื้ออ้อยในพื้นที่ โดยทำทีเข้ามารับซื้ออ้อยสดแบบเหมาไร่ของชาวบ้านครั้งละ 2-3 ไร่ จากนั้นได้จุดไฟเผาเพื่อให้เก็บเกี่ยวง่ายขึ้น โดยไม่มีวิธีการป้องกัน และต้องการให้ลุกลามไปยังไร่อ้อยใกล้เคียง
จากนั้นพออ้อยชาวบ้านถูกไฟไหม้แล้ว จะมีนายทุนต่างแย่งกันตระเวนรับซื้ออ้อยของชาวบ้านที่ถูกไฟไหม้แบบกดราคาตันละ 500-600 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ลดลงเกือบครึ่ง ทำให้เกษตรกรบางรายจำเป็นต้องขายให้นายทุนที่มารับซื้อเพราะเก็บเกี่ยวไม่ทัน ทำให้อ้อยแห้งเหี่ยวตายทิ้งไปและไม่ทันคิวส่งโรงงาน ปกติหากอ้อยไม่ถูกไฟไหม้และขายสดส่งโรงงานจะได้ตันละ 808 บาท อีกทั้งจะได้ราคาขายอ้อยสดและความหวานพิเศษอีกตันละ 30 บาท
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุเกษตรกรได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ไว้แล้วหลายราย ซึ่งตำรวจทำได้เพียงรับแจ้งความเท่านั้น และบอกให้เกษตรกรไปหาหลักฐานและจับคนร้ายที่วางเพลิงเผาอ้อยมาเอง ซึ่งทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่หมดความหวังและจำใจขาดทุนขายอ้อยราคาต่ำให้นายทุน
ด้านนายสมหวัง เขาทอง อายุ 64 ปี กล่าวว่า ปัจจุบันอ้อยที่ตนปลูกและจองคิวไว้ข้ามปีกว่า 30 ไร่ เพื่อเตรียมส่งให้โรงงานถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด อ้อยไฟไหม้จะทำให้น้ำหนักลด ความหวานลดลง ทั้งบางต้นก็แห้งเหี่ยวตาย ทำให้เหลืออ้อยที่จะสามารถขายได้ไม่ถึง 50% หากตนไม่ยอมขายให้นายทุนที่มาตระะเวนรับซื้ออ้อยแบบเหมาไร่ แต่ส่งให้โรงงานตามคิวที่จองไว้จะถูกหักค่าอ้อยถูกไฟไหม้อีกตันละ 20 บาท ทำให้การปลูกอ้อยปีนี้ขาดทุนแน่นอน
จึงขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รักษากฎหมายบ้านเมือง เพราะหากเกิดขึ้นอีกเกษตรกรจะต้องเดือดร้อนหนักกว่าเดิม นอกจากนี้ อ้อยที่ถูกไฟไหม้ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งควันและฝุ่น สาเหตุมาจากฝีมือของนายทุน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้ามาตรวจสอบ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาด้วย